Custom Search

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ลดไขมัน ส่วนเกิน

ลดไขมัน ส่วนเกิน

ผู้หญิงจะมีการสมสมไขมันมากกว่าผู้ชาย ก็เพราะสาเหตุมาจากหน้าที่ของฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) ที่จำเป็นจะต้องสะสมไขมัน ไว้ตามอก สะโพก ก้น ต้นขา หน้าท้อง ก็เพราะเป็นลักษณะทางกายภาพ แต่สำหรับผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) ทำให้มีระบบเผาผลาญพลังงานสูงกว่าผู้หญิง และมีกล้ามเนื้อ และพละกำลังที่มากกว่า ในทางธรรมชาติผู้หญิงจึงไม่สามารถเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนผู้ชายเว้นแต่ได้รับยาประเภทสเตียรอยด์ (Anabolic Androgenic Steroid) จึงไม่ต้องกังวลว่าการฝึกเพาะกาย

หรือฝึกด้วยน้ำหนักจะทำให้มีขนาดกล้ามเนื้อใหญ่โตผิดส่วน แต่ผู้หญิงบางคนที่ฝึกยกน้ำหนัก แต่ขาดการควบคุมอาหารทำให้มีไขมันสะสมอยู่รอบ ๆ กล้ามเนื้อก็อาจมองว่ามีขนาดใหญ่ แต่ถ้ามีการลดไขมันอย่างถูกต้อง ขนาดก็ละลดลง และสมส่วนไปเอง เนื่องจากการ

ออกกำลังกายประเภทแอโรบิคเป็นเพียงการเผาผลาญลดไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงขนาดสัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นขนาดของกล้ามเนื้อ ดังนั้นคนที่ขมักเขม้นกับการออกกำลังกายประเภทแอโรบิคจะพบว่าเมื่อฝึกไปซักระยะหนึ่งรูปร่างจะมีสัดส่วนผิดแผกออกไป คือรูปร่างช่วงบนมีขนาดเล็ก แต่ช่วงล่าง เข่น ต้นขา น่อง ก้น มีขนาดใหญ่ และจะมีลักษณะบวม ไม่กระชับ และน้ำหนักตัวคงที่ไม่สามารถลดไขมันได้มากกว่าเดิม ยกเว้นแต่ได้ออกกำลังกายทั้งยกน้ำหนักควบคู่กับแอโรบิค จึงจะทำให้รูปร่างมีสัดส่วน กล้ามเนื้อกระชับ ผิวหนังบาง ไขมันสะสมต่ำ เหมือนนายแบบ นางแบบ ที่เราเห็นโฆษณาอุปกรณ์ออกกำลังกายในโทรทัศน์ เราไม่ควรอดอาหารเพื่อต้องการลดไขมันส่วนเกิน เพราะการอดอาหารจะทำให้เราสูญเสียขนาดของกล้ามเนื้อลง ทำให้ระดับการใช้พลังงานในร่างกายน้อยลง และจะสามารถทำให้อ้วนได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เมื่อคิดที่จะควบคุมอาหารเพื่อลดไขมัน เราไม่ควรรับประทานอาหารน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ (Basal Metabolism Rate) เพราะเป็นพลังงานที่ร่างกายจำเป็นต้องให้ในการรักษาขนาดของร่างกาย

BMR (แคลอรี) = น้ำหนักตัว (kg) x 0.9 x 24

โดยเฉลี่ยผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ออกกำลังกายมักเลือกรับประทานอาหารระหว่าง 1,200 - 1,500 แคลอรีต่อวัน โดยเป็นไขมันไม่มากกว่า 10%-15% ของอาหาร (ไขมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9 แคลอรี) ควบคู่ไปกับการแอโรบิค 30-60 นาทีต่อวัน โดยสามารถลดไขมันได้ถึงสัปดาห์ละ 1/2 กิโลกรัม


ใครที่ชอบทานเต้าหู้ ทราบหรือไม่ว่าสามารถ
ลดไขมันได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาบอกกัน...

ดร.เดวิด คริสตี้ แห่งมหาวิทยาลัยอลาบามา กล่าวว่า นมถั่วเหลืองมีคุณสมบัติในการลดปริมาณไขมันที่สะสมบริเวณกระเพาะอาหารได้ ซึ่งไขมันที่สะสมอยู่บริเวณหน้าท้องมีผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจวายเฉียบพลันหรือเบาหวานอันเป็นผลข้างเคียงหนึ่งจากโรคอ้วนมากกว่าไขมันที่สะสมอยู่บริเวณอื่นของร่างกาย

จากการทดสอบกับอาสาสมัครหญิง 9 คนซึ่งอยู่ในวัยหมดประจำเดือนแล้ว กลุ่มแรกให้ดื่มนมถั่วเหลืองที่ให้พลังงาน 120 แคลอรี
1
แก้วต่อ 1 วัน กลุ่มที่ 2 ดื่มนมถั่วเหลืองเลียนแบบ 1 แก้วต่อ 1 วันเช่นกัน ก่อนจะทำการวัดผลในอีก 3 เดือนต่อมา ปรากฏว่าอาสาสมัครกลุ่มแรก
น้ำหนักตัวลดลงและมีปริมาณไขมันรอบเอวน้อยกว่าอาสาสมัครกลุ่มที่ 2 อย่างเห็นได้ชัด

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากให้ไขมันลดลง ลองหาเต้าหู้มาทานกันดู

ยาลดความอ้วน (ตามคลินิคหมอ)

ยาลดความอ้วน ตามคลินิกหมอ

1 Phentermine HCL เป็นยาหลักที่ใช้กดสมองส่วนกลางไม่ให้เกิดความอยากอาหาร ยาชนิดนี้ เป็นยาที่ดัดแปลงมาจากยาแอมเฟตามีน (Amphetamine) ที่ อย. อนุญาตให้ขายในเมืองไทยมีขนาด 15 และ 30 mg ผลข้างเคียงที่อาจพบได้คือ กระวนกระวาย ปวดศีรษะ เหงื่อออก ปากแห้ง คลื่นไส้ ท้องอืด ส่วนใหญ่จะเกิด yoyo effect หลังหยุดยา ไม่ควรใช้เกิน 30 mg /วัน เพราะฉนั้นถามผู้ที่จ่ายยาคุณก่อนรับทุกครั้งนะคะ ลักษณะเม็ดยา มักจะเป็น capsule สี เขียวเข้ม-ขาว,แดง-ขาว,และเป็น capsule ที่เป็นเม็ดเล็กๆข้างใน

2 Thyroid hormone อันตรายมากกกกก!!!!! มีสีต่างๆกัน ในคนปกติ ถ้ากินจะมีอาการเหมือนคนที่เป็นคอพอกเป็นพิษ ใจสั่น วูบวาบ คนจ่ายยามักใช้เพื่อเร่งการเผาผลาญ (metabolism)

3 ยาขับปัสสาวะ มักเป็น lasix หรือ HCTZ เม็ดอาจเป็นสี ขาว ส้ม ฟ้า แล้วแต่ แต่ไม่รู้ให้มาทำไมฉี่บ่อย กินไปก้อออกแต่น้ำอันตรายหนักเข้าไปอีกบ้าจริงๆ เนื่องจากหมอจะใช้เป็นยาลดความดันค่ะ ลองนึกดูว่าถ้าคนความดันปกติไปกินล่ะก้อ ความดันตกฮวบแน่ๆ

4 ยาระบาย อันนี้พอไหวเนื่องจาก phentermine ทำให้ท้องผูก

5 ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด ถ้าไม่ให้ในขนาดที่สูงเกินไปก้อพอทนรับได้ แต่ถ้าเราไม่ได้กินอาหารเลยล่ะก้อ เสร็จแน่ๆ ระดับน้ำตาลในเลือดถ้าต่ำกว่า 70 mg/dl ละก้อ จะอ่อนเพลีย แต่ถ้าต่ำกว่า 50 ละก้อ ช้ากแหง่กๆๆๆๆ สถานเดียว

6 Fluoxetin ยาชนิดนี้ เป็นยาลดอาการซึมเศร้า แต่มีผลต่อการลดน้ำหนักด้วย ขนาดปกติที่ใช้คือ 60 มิลลิกรัมต่อวัน ยังไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่แน่นอน โดยเชื่อว่ายาจะทำให้ความอยากอาหารลดลง เพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาชนิดนี้คือ อ่อนเพลีย ท้องเดิน เหงื่อออก นอนไม่หลับ กระหายน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน

7 ยาหลอก มักเป็นพวกแป้ง หรือวิตามิน ใส่เข้าไปในชุดให้มันดูเยอะๆไปยังงั้นแหละ จะได้คิดราคาแพงๆได้

* ถ้าได้ยาเป็น capsule สีเทาแดง ละก้อ นั่นแหละ ยาทำปลอมหรือไม่ก้อเป็นยาที่ถูก อย. เพิกถอนไปแล้วเนื่องจากทำให้ !! ตายได้ !!

ยาลดน้ำหนักออกใหม่ที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า

1 Sibutramine (Reductil) มีเพียงยี่ห้อเดียวเท่านั้น เป็น capsule สี น้ำเงินเหลือง (10mg)' และ น้ำเงินขาว (15mg)

ถ้าเป็นสีอื่น ยี่ห้ออื่น ของปลอมชัวร์ ออกฤทธิ์ด้วยการช่วยให้ความอยากอาหารน้อยลง เร่งการเผาผลาญนิดหน่อย ไม่ค่อยเกิด yoyo แต่ราคาแพง 10mg =100bath/capsule, 15 mg= 150 bath/ capsule กินได้วันละไม่เกิน 15 mg และห้ามใช้ร่วมกับ phentermine

2 Xenical อันนี้ดี ช่วยดักจับไขมันที่กินเข้าไปทำให้อึ๊ ออกมาเป็นมันแผล็บ แต่ข้อเสียคือ ก้นมันมาก บางครั้งมีไขมันแพลมออกมาก๊ะตด ด้วย อึ๋ย อึ่ย อึ๋ย อ้วก ลักษณะเป็น capsule สีฟ้า ราคาประมาณ 50 bath/ capsule อาจกินเฉพาะวันที่เรากินอาหารมันมาก ไม่จำเป็นต้องกินทุกวัน

เป็นไงจ๊ะ อย่างน้อยก้อรู้แล้วนะว่าทำไมถึงต้องออกกำลังกาย

นอนมากอ้วนน้อย_จริงไหม


นอนมากอ้วนน้อย จริงไหม
การนอนและการกินเป็นพฤติกรรมที่มีความสำคัญต่อสุขภาพและความอยู่รอด ของคนและสัตว์มาก เราเคยเข้าใจกันว่าคนนอนมาก นอนอุตุ เป็นคนเกียจคร้าน และมักจะอ้วนกว่าคนนอนน้อย แต่ความจริงแล้วคนนอนมากกลับมีน้ำหนักน้อยกว่า

จากรายงานหลายรายพบว่าการนอนน้อยมีความสัมพันธ์ผกผันกับความอ้วน คือ เมื่อการนอนน้อยลง ดัชนีมวลรวมของร่างกาย
จะเพิ่มขึ้น
อ่านถึงตรงนี้บางคนอาจจะถึงบางอ้อว่า การนอนจนเลยเวลาอาหาร ไม่ได้กินอาหารจึงทำให้ผอมลง แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง ปัจจุบันนี้มีข้อมูลใหม่บ่งบอกว่า การนอนของคนเรามีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวออกมา ฮอร์โมนที่ว่านั้นคือ เกรลิน (Ghrelin) และเล็ปติน (Leptin)

เกรลิน (Ghrelin) เป็นฮอร์โมนกระตุ้นความหิวที่ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ.1970 กว่าๆ โดยพบในเซลล์กระเพาะอาหารและเนื้อเยื่ออื่นๆ เช่น ที่สมองส่วนไฮโปธารามัส ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นความหิวที่มีฤทธิ์แรงที่สุดเท่าที่รู้กันในปัจจุบัน ฮอร์โมนนี้ทำให้หนูในห้องทดลอง เพิ่มความหิว กินอาหารมากขึ้น มีไขมันมากขึ้น

ส่วนเล็ปติน (Leptin) เป็นฮอร์โมนที่กดความหิว เขาพบ ฮอร์โมนนี้ในเนื้อเยื่อไขมัน เมื่อปี ค.ศ.1994 นักวิทยาศาสตร์พบว่าหนูที่อ้วนโดยพันธุกรรมมียีนที่บกพร่องในการสร้างสารเล็ปติน เมื่อเขาเอาสารเล็ปตินฉีดเข้าหนูอ้วนที่ว่านี้ หนูนั้นลดการกินอาหารลง อัตราการเผาผลาญอาหารเพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวลดลง

สำหรับการทดลองในคน เขาศึกษาพบว่าคนที่นอนน้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อคืนมีความโน้มเอียงที่จะอ้วนกว่าคนที่นอนมากกว่า 8 ชั่วโมง คนที่ปกตินอนคืนละ 5 ชั่วโมงมีระดับฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ในเลือดสูงกว่าคนที่นอน 8 ชั่วโมงต่อคืน 15% และมีระดับเล็ปติน (Leptin) ต่ำกว่า 15%
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน 2 ตัวนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในความหิวอาหาร คือ คนที่นอนน้อยจะหิวมากกินมาก และอ้วนมากกว่า จากการศึกษาของหมอชาฮ์ราด เตฮารี แห่งวิสคอนซิล และเพื่อนที่มหาวิทยาลัย
ฮาร์วาร์ด ตีพิมพ์เมื่อเดือนธันวาคม 2004 ในวารสาร Public Library of Medicine

ในการศึกษานี้ส่วนหนึ่งเขาใช้อาสาสมัคร 1,024 คน เขาให้นอนค้างคืนในห้องแล็ป แล้วทำการตรวจเฝ้าระวังติดตามการนอนหลับ เช่น
ความเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมอง การหายใจ การเต้นของหัวใจ บันทึกน้ำหนักและความสูง ตรวจเลือด และให้ตอบแบบสอบถามถึงเรื่องนิสัยการนอน ฯลฯ

เขาพบว่ามีความสัมพันธ์โดยผกผันระหว่างการนอนน้อยกว่า 7.7 ชั่วโมงต่อคืนกับการเพิ่มขึ้นของดัชนีมวลรวมของร่างกาย ในขณะเดียวกันก็พบว่าคนนอนน้อยจะมีระดับเกรลินเพิ่มขึ้นและเล็ปตินต่ำลง และพบว่าการลดลงของการนอนจาก 8 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมงทำให้ระดับเกรลินเพิ่มขึ้น 15% และระดับเล็ปตินลดลง 15% คือทำให้หิวมากขึ้นนั้นเอง

อีกรายงานหนึ่งในวารสาร Annals of Internal Medicine ซึ่งยืนยันผลการศึกษาข้างต้นคือ ในคนอดหลับอดนอนระดับเล็ปตินลดลง 18% และระดับเกรลินเพิ่มขึ้น 28% และความหิวเพิ่มขึ้น 24% และกินอาหารเพิ่มขึ้น 23% โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือกกินอาหารแป้งหรือน้ำตาลที่มีแคลอรีสูง เช่น ไอศกรีม

เมื่อก่อนนี้เราเคยสังเกตพบว่าคนที่มีอาชีพอยู่เวรดึก เช่น หมอ หรือพยาบาล มักจะอ้วนหรือตุ้ยนุ้ยกว่าคนที่อยู่เวรเช้าที่ไม่ต้อง
อดหลับอดนอน เมื่อก่อนเราก็เข้าใจกันเอาเองว่า การที่คนอยู่เวรดึกอ้วนกว่าเพราะกินมากกว่า เนื่องจากมีความเครียดทำให้หิวมากกว่า แต่ในปัจจุบันนี้เรามีคำอธิบายที่เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น คือ เมื่ออดนอนก็มีฮอร์โมนเพิ่มความหิวมากขึ้น ทำให้กินมากขึ้น

เมื่อก่อนนี้เคยมีการศึกษาพบว่าคนที่ทำงานกะดึกมีโรคมากกว่าคนทำงานกลางวัน คือนอกจากเครียดกว่า อ้วนกว่าแล้ว
คนทำงานกะดึกยังมีโรคมากกว่า เช่น โรคหัวใจและความดันเลือดสูงมากกว่า เป็นมะเร็งเต้านมมากกว่า เป็นต้น งานกะดึกหรือเวรดึกจึงไม่ค่อยจะเป็นที่พิสมัยของใครๆ จึงต้องมีการหลบหลีกแลกเวรกันเป็นประจำ คนมีครอบครัวก็มักจะอ้างเอาคู่ที่อยู่ครองมาเป็นข้อต่อรอง ทำให้คนโสดต้องเสียเปรียบรับภาระส่วนนี้ไปมากกว่า คนที่จะอยู่เวรดึกจึงหาได้ยาก จึงควรมีการจ่ายค่าตอบแทนที่มากขึ้นเหมือนอย่างที่ประเทศพัฒนาเขาทำกัน เป็นการตอบแทนความเสี่ยงต่อโรคดังกล่าว

จากการศึกษาพบฮอร์โมนควบคุมความหิวดังกล่าวทำให้เรามีความหวังว่าต่อไปเราจะมียารักษาคนผอม คือ ฉีดยากระตุ้น
ความหิวให้เจริญอาหาร ทุกวันนี้เวลาคนไข้มาปรึกษาเรื่องผอม หมอก็จะรักษาทางอ้อม คือ ให้วิตามินบ้าง อาหารเสริมบ้าง ยังไม่มียาเพิ่มความหิวโดยตรง (เท่าที่รู้) ส่วนยาลดความหิวที่ใช้รักษาความอ้วนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรที่ดี ที่ไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรง ต่อไปเราอาจจะมียาฉีดลด ความอ้วนในรูปของฮอร์โมนอย่างเล็ปตินก็เป็นได้ แต่จากการทดลอง ในคน ผลการศึกษายังไม่ตรงไปตรงมาเหมือนในหนู เนื่องจากความอ้วนในคนเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ใช่ความหิวอย่างเดียว อาจจะเป็นพันธุกรรม นิสัยการกิน ชนิดของอาหาร เป็นต้น
ความหวังที่จะได้ ยาฉีดลดความอ้วนจึงยังไม่เป็นจริงในขณะนี้

การนอนที่เพียงพอมีผลดีต่อสุขภาพหลายสถานนอกจากการลดความหิว การนอนทำให้ความจำดีขึ้น ทำให้ระบบภูมิต้านทาน
ต่อโรคดีขึ้น เนื่องจากมีเซลล์ต้านการติดเชื้อมากกว่า มีการผลิตสารเมลาโทนิน มากกว่าทำให้ต้านมะเร็งได้ ทำให้แก่ช้าลงและอายุยืนกว่าคนนอนน้อย ทำให้มีความซึมเศร้าน้อยกว่า ในเด็กวัยรุ่นที่นอนน้อยจะมีอุบัติการณ์ ดื่มเหล้าและเสพยามากกว่าปกติถึง 2 เท่า ในเด็กวัยเจริญเติบโตการนอนที่เพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของ การเจริญเติบโตของร่างกาย การนอนที่เพียงพอจะทำให้ ขับรถไม่หลับใน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่สำคัญโดยเฉพาะในห้วงเวลาของเวิลด์คัพฟีเวอร์ในขณะนี้

ที่ว่ามานี้ไม่ใช่ต้องการชี้แนะให้นอนอุตุขี้เกียจหลังยาว แต่แนะนำให้นอนให้เพียงพอ เฉลี่ยวันละ 7-8 ชั่วโมง
สำหรับหลายคนที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ ทั้งๆ ที่มีอาชีพที่เขาให้โอกาสนอนได้มากๆ เช่น เป็นครู อาจารย์ ไม่ต้องอยู่เวรยาม
แถมยังมีเวลาหยุดภาคเรียน แต่ก็ยังนอนไม่หลับ ผู้รู้เรื่องการนอนหลับแนะนำว่าเพื่อให้การนอนหลับดี ควรลองปฏิบัติดังนี้
เข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด
ฝึกทำกิจกรรมที่เป็นอาจิณปฏิบัติ เช่น อาบน้ำก่อนนอน อ่านหนังสือง่ายๆ ก่อนนอน (ถ้าเอาไวยากรณ์ไทยมาอ่านก็ต้องระวังเพราะอาจขึ้นเตียงไม่ทัน)
ใช้ห้องนอนสำหรับการนอนและเพศสัมพันธ์เท่านั้น ไม่ควรใช้ดูหนังดูละครหรือดูกีฬาทำความรำคาญให้แก่คู่ครองที่มีรสนิยม
ต่างกัน หรือใช้ห้องนอนทำบัญชีเคลียร์หนี้ซึ่งทำให้เครียดจนนอนไม่หลับ
ทำห้องนอนให้เงียบและมืดซึ่งชวนให้หลับได้ดี

ในขณะที่ยังไม่มียาลดความอ้วนที่ดีที่ปลอดภัย การนอนที่เพียงพอจึงเป็นยาต้านความอ้วนที่ดีอย่างหนึ่งครับ



การลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักในสมัยก่อน โดยการใช้ ยาลดความอ้วน (Antiobesity Drugs) นั้นถือเป็นการลดน้ำหนักที่มีอันตรายต่อสุขภาพและร่างกายของเราอย่างมาก เพราะนอกจากจะทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง อย่างเช่นการเกิดภาวะเครียด การเกิดอาการประสาทหลอน หรืออารมณ์เปลี่ยนแปลงได้ง่าย ฯลฯ แล้วนั้น ยังส่งผลที่เรามักเรียกกันว่า Yo Yo Effect หรือการกลับมาอ้วนใหม่ได้อย่างรุนแรง ดังนั้นการเลือกใช้ยาสำหรับการลดน้ำหนักจึงไม่เป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน

ความอ้วน หรือทรวดทรงไม่สมสัดส่วนนั้น ในทางวิทยาศาสตร์เราพบว่า ล้วนแล้วแต่มีสาเหตุหลักมาจากสารอาหารสำคัญ 2 กลุ่มคือ สารอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต (Carbohydrates)ซึ่งได้แก่ แป้ง ข้าว ขนมปัง น้ำตาล ฯลฯและ สารอาหารในกลุ่มไขมัน (Fats) ซึ่งได้แก่ น้ำมันจากสัตว์ น้ำมันจากพืช เนย ฯลฯที่เมื่อร่างกายของเราได้รับ สารอาหารเหล่านี้มากเกินความต้องการก็จะเกิดการสะสมในรูปของไมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายและไขมันสะสมเหล่านี้ก็จะมีประโยชน์ต่อร่างกายเพียงอย่างเดียวคือเป็นแหล่งพลังงาน หากร่างกายไม่มีการใช้แหล่งพลังงานสำรองสะสมนั้นออกไปเสีย แต่ยังกลับได้รับสารอาหารดังกล่าว เกินความต้องการของร่างกายมากขึ้น ก็จะยิ่งทำให้เกิดการสะสมของไขมันในร่างกายมากขึ้น จนทำให้เกิดปัญหาเรื่องของน้ำหนักตัว และทรวดทรงได้อย่าง รวดเร็วและมากขึ้น ดังนั้นโดยสรุปแล้ว ช่องทางของการเกิดภาวะความอ้วนหรือความไม่สมสัดส่วนของรูปร่างนั้นมาจาก 2 ปัจจัยหลักด้วยกัน คือ

1. การได้รับสารอาหาร ที่ก่อให้เกิดไขมันใหม่เข้าสู่ร่างกายได้แก่คาร์โบไฮเดรดและไขมันมากเกิน ความต้องการของร่างกาย

2. การที่ร่างกายไม่มีการนำไขมันสะสมเก่าไปเผาผลาญเป็นพลังงาน หรือมีแต่นำไปใช้แต่เพียงเล็กน้อย

ดังนั้นวิธีการในการลดน้ำหนักก็คือ การแก้ไขปัญหาที่เป็นสาเหตุหลักๆ ดังกล่าวทั้ง 2 อย่าง ซึ่งก็คือ การจำกัดการรับสารอาหารที่เป็นปัญหาเข้าสู่ร่างกายและ การสลาย หรือนำเอาไขมันสะสมไปเผา ผลาญเป็นพลังงาน ซึ่งพบว่าขบวนการดังกล่าวถึงแม้ว่าจะมีขั้นตอนง่ายๆ เพียง 2 ขั้นตอนแต่ปรากฎว่าทั้ง 2 ขั้นตอน ยังจะต้องประกอบด้วย การเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการทางชีวเคมีในร่างกายที่สลับซับซ้อน หลายขบวนการและล้วนเป็นขบวนการทางชีวเคมีที่จะต้องใช้สารสำคัญต่างๆ เข้ามาช่วยอย่างมากมายและสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทำการค้นคว้าและทำการวิจัยแล้ว พบว่า สามารถช่วยให้เกิดขบวนการดังกล่าวทั้ง 2 ขั้นตอนได้ดีขึ้น และไม่มีอันตรายต่อร่างกาย ก็คือการใช้สารอาหารสำคัญที่ได้จากธรรมชาติ หรือที่เราเรียกกันทั่วไปว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริม (Dietary Food Supplements)ที่ให้สารสำคัญหลายๆ ชนิดร่วมกันเพื่อที่สารสำคัญเหล่านั้น จะได้ทำงานในส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างทั่วถึง และครอบคลุมทุกขบวนการย่อยๆ ทางชีวเคมี ที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้นทั้งหมด โดยร่วมกับการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันสะสม และการพักผ่อนอย่างเหมาะสมและเพียงพอ

ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สำหรับการควบคุมน้ำหนักหรือปรับปรุงทรวดทรงที่เหมาะสมที่สุดก็ควรที่จะได้รับสารอาหารจากธรรมชาติดังกล่าวหลายชนิดร่วมกันพร้อมกับการจัดเวลาสำหรับการออกกำลังกาย ให้เป็นโปรแกรมอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม พร้อมกับรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่ให้สารอาหารจำพวกไขมันและคาร์โบไฮเดรตน้อยลง

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

โยคะสยบสิว



โยคะสยบสิว

การออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นในการเยียวยาปัญหาสิว

วันนี้ชวนมาฝึกโยคะท่าง่ายๆที่เรียกว่า ท่างู ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณใบหน้า ทั้งยังช่วยไล่ท็อกซินและทำให้ผิวหน้าได้รับสารอาหารจากอาหารที่รับประทานเข้าไปได้อย่างเต็มที่อีกด้วย โดยให้ทำท่างูช้าๆ อย่างมีสติ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. นอนคว่ำหน้าราบกับพื้น ขาเหยียดตรงหลังเท้าทั้งสองข้างแนบกับพื้น ลำตัวตรง วางมือคว่ำกับพื้นที่ตำแหน่งใต้คางมือทั้งสองข้างชนกัน โดยให้นิ้วกลางกับนิ้วกลาง หน้าผากจรดพื้น

2. หายใจเข้าใช้แขนดันลำตัวทอนบนยกขึ้นอย่างช้าๆ จนกระทั้งแขนตึง หน้าตรง แล้วค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นจนสุดหายใจออก ค้างท่านับ 1-10 หายใจปกติ

3. หายใจเข้าพร้อมลดลำตัวลงจนหน้าผากจรดกับพื้น หายใจออก

4. หายใจเข้า พร้อมกับใช้แขนดันลำตัวขึ้นมาจนกระทั้งแขนตึง หน้าตรง แล้วค่อยๆ เหลียวไปมองส้นเท้าด้านขวาหายใจออก ค้างท่านับ 1-10 หายใจปกติ

5. หายใจเข้า เคลื่อนหน้ากับมาตรง แล้วค่อยๆ ลดลำตัวลงจนหน้าผากจรดกับพื้น หายใจออกปกติ

6. หายใจเข้า พร้อมกับใช้แขนดันลำตัวขึ้นมาจนกระทั้งแขนตึง หน้าตรง แล้วค่อยๆ เหลียวหน้ามองส้นเท้าทางด้านซ้าย หายใจออก ค้างท่านับ 1-10 หายใจออกปกติ

7. หายใจเข้า เคลื่อนหน้ากับมาตรง แล้วค่อยๆ ลดลำตัวลงจนหน้าผากจรดกับพื้น หายใจออกปกติ

ขั้นตอน 1-7 นับเป็น 1 รอบ ทำ3-5 รอบทุกๆ วัน

ฝึกโยคะนอกจากจะช่วยลดสิวแล้ว ทรวดทรงก็จะดีขึ้นด้วยเรียกว่าสวยครบสูตรเดียวกันเลยที่เดียว