
ลดไขมัน ส่วนเกิน
ผู้หญิงจะมีการสมสมไขมันมากกว่าผู้ชาย ก็เพราะสาเหตุมาจากหน้าที่ของฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) ที่จำเป็นจะต้องสะสมไขมัน ไว้ตามอก สะโพก ก้น ต้นขา หน้าท้อง ก็เพราะเป็นลักษณะทางกายภาพ แต่สำหรับผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) ทำให้มีระบบเผาผลาญพลังงานสูงกว่าผู้หญิง และมีกล้ามเนื้อ และพละกำลังที่มากกว่า ในทางธรรมชาติผู้หญิงจึงไม่สามารถเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนผู้ชายเว้นแต่ได้รับยาประเภทสเตียรอยด์ (Anabolic Androgenic Steroid) จึงไม่ต้องกังวลว่าการฝึกเพาะกาย
หรือฝึกด้วยน้ำหนักจะทำให้มีขนาดกล้ามเนื้อใหญ่โตผิดส่วน แต่ผู้หญิงบางคนที่ฝึกยกน้ำหนัก แต่ขาดการควบคุมอาหารทำให้มีไขมันสะสมอยู่รอบ ๆ กล้ามเนื้อก็อาจมองว่ามีขนาดใหญ่ แต่ถ้ามีการลดไขมันอย่างถูกต้อง ขนาดก็ละลดลง และสมส่วนไปเอง เนื่องจากการ
ออกกำลังกายประเภทแอโรบิคเป็นเพียงการเผาผลาญลดไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงขนาดสัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นขนาดของกล้ามเนื้อ ดังนั้นคนที่ขมักเขม้นกับการออกกำลังกายประเภทแอโรบิคจะพบว่าเมื่อฝึกไปซักระยะหนึ่งรูปร่างจะมีสัดส่วนผิดแผกออกไป คือรูปร่างช่วงบนมีขนาดเล็ก แต่ช่วงล่าง เข่น ต้นขา น่อง ก้น มีขนาดใหญ่ และจะมีลักษณะบวม ไม่กระชับ และน้ำหนักตัวคงที่ไม่สามารถลดไขมันได้มากกว่าเดิม ยกเว้นแต่ได้ออกกำลังกายทั้งยกน้ำหนักควบคู่กับแอโรบิค จึงจะทำให้รูปร่างมีสัดส่วน กล้ามเนื้อกระชับ ผิวหนังบาง ไขมันสะสมต่ำ เหมือนนายแบบ นางแบบ ที่เราเห็นโฆษณาอุปกรณ์ออกกำลังกายในโทรทัศน์ เราไม่ควรอดอาหารเพื่อต้องการลดไขมันส่วนเกิน เพราะการอดอาหารจะทำให้เราสูญเสียขนาดของกล้ามเนื้อลง ทำให้ระดับการใช้พลังงานในร่างกายน้อยลง และจะสามารถทำให้อ้วนได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เมื่อคิดที่จะควบคุมอาหารเพื่อลดไขมัน เราไม่ควรรับประทานอาหารน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ (Basal Metabolism Rate) เพราะเป็นพลังงานที่ร่างกายจำเป็นต้องให้ในการรักษาขนาดของร่างกาย
BMR (แคลอรี) = น้ำหนักตัว (kg) x 0.9 x 24
โดยเฉลี่ยผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ออกกำลังกายมักเลือกรับประทานอาหารระหว่าง 1,200 - 1,500 แคลอรีต่อวัน โดยเป็นไขมันไม่มากกว่า 10%-15% ของอาหาร (ไขมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9 แคลอรี) ควบคู่ไปกับการแอโรบิค 30-60 นาทีต่อวัน โดยสามารถลดไขมันได้ถึงสัปดาห์ละ 1/2 กิโลกรัม

ใครที่ชอบทานเต้าหู้ ทราบหรือไม่ว่าสามารถ
ลดไขมันได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาบอกกัน...
ดร.เดวิด คริสตี้ แห่งมหาวิทยาลัยอลาบามา กล่าวว่า นมถั่วเหลืองมีคุณสมบัติในการลดปริมาณไขมันที่สะสมบริเวณกระเพาะอาหารได้ ซึ่งไขมันที่สะสมอยู่บริเวณหน้าท้องมีผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจวายเฉียบพลันหรือเบาหวานอันเป็นผลข้างเคียงหนึ่งจากโรคอ้วนมากกว่าไขมันที่สะสมอยู่บริเวณอื่นของร่างกาย
จากการทดสอบกับอาสาสมัครหญิง 9 คนซึ่งอยู่ในวัยหมดประจำเดือนแล้ว กลุ่มแรกให้ดื่มนมถั่วเหลืองที่ให้พลังงาน 120 แคลอรี
1 แก้วต่อ 1 วัน กลุ่มที่ 2 ดื่มนมถั่วเหลืองเลียนแบบ 1 แก้วต่อ 1 วันเช่นกัน ก่อนจะทำการวัดผลในอีก 3 เดือนต่อมา ปรากฏว่าอาสาสมัครกลุ่มแรก
น้ำหนักตัวลดลงและมีปริมาณไขมันรอบเอวน้อยกว่าอาสาสมัครกลุ่มที่ 2 อย่างเห็นได้ชัด
รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากให้ไขมันลดลง ลองหาเต้าหู้มาทานกันดู