Custom Search

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ใส่แหวนอย่างไร ให้ถูกต้องตามโหราศาสตร์/ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ





ใส่แหวนอย่างไร ให้ถูกต้องตามโหราศาสตร์

เพราะชายหญิงมีธาตุที่แตกต่างกันจึงมีวิธีการที่ แตกต่างกัน จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แหวนวงน้อยนี้ สามารถคุ้มครองผู้สวมใส่ได้เช่นกัน เรื่องนี้เป็น วัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณกาล อย่างที่ขุดได้ในกรุสมัย โบราณ ลองไปดูที่พิพิทธภัณฑ์เจ้าสามพระยาที่จังหวัด อยุธยา ก็จะมีแหวนหยกแหวนทองคำแท้และรัตนชาติ ต่างๆ รวมอยู่ด้วย สิ่งนี้เป็นหลักฐานพยานที่ดีอย่างยิ่ง ลองดูรายละเอียดต่อไปนี้

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

ท่านที่เกิดวันอาทิตย์ ผู้หญิงให้สวมแหวนมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายสวมแหวนมือข้างขวา ตัวเรือนควรทำจากทองแท้ เงินแท้หรือหยก ถึงจะส่งพลังดี ๆ ออกมาคุ้มครอง ในการสวมแหวน หากเป็นผู้ชายให้เน้นไปที่นิ้วกลางและนิ้วชี้ อันหมายถึงพลังอำนาจการปกครองและ วาสนาบารมี แต่หากจะสวมแหวนที่นิ้วหัวแม่มือก็ขอให้ดูตัวเองก่อน เพราะการสวมที่หัวแม่มือนั้น ต้องเป็นผู้มีเงินทองแบบหลงจู๊อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะเกินวาสนาตน ส่วนผู้หญิงก็ให้สวมมือซ้ายนิ้วนางหรือนิ้วกลาง ก็จะเสริมพลังของตัวเองให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ในการสวมแหวนหลายวงในนิ้วเดียวกันนั้น ไม่ควรทำ จะทำให้เกิดความผิดพลาดในเรื่องของความรักได้ง่าย ๆ

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

ท่านที่เกิดวันจันทร์ ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายให้สวมมือข้างขวา ตัวเรือนควรทำด้วยทองคำ เงิน นาค โลหะผสม หรือหินสีต่างๆก็ได้ แต่ควรเป็นแหวนที่วงค่อนข้างผอม บาง หัวแหวนเล็กๆ จึงจะสอดคล้องกับผู้ที่เกิดในวันจันทร์ ผู้ชายควรสวมแหวนเน้นไปที่นิ้วชี้ นิ้วนาง นิ้วกลางก็จะเสริมดวงและคุ้มครอง ห้ามสวมแหวนนิ้วก้อยและนิ้วหัวแม่มือเด็ดขาด ส่วนผู้หญิงก็ให้สวมที่นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย ก็จะเกิดความเจริญรุ่งเรือง สร้างพลังแห่งเมตตามหานิยมแก่เจ้าของ ไม่ควรสวมแหวนที่นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือ สามารถสวมแหวนซ้อนกันสองวงได้ แต่ถ้าเป็นสามวงซ้อนในนิ้วเดียวกันไม่ควรอย่างยิ่ง จะทำให้เกิดความผิดพลาด ในเรื่องของความรักได้ง่าย ๆ

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

ท่านที่เกิดวันอังคาร ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายให้สวมนิ้วมือข้างขวา ตัวเรือนทำด้วยอะไรก็ได้ แต่ไม่ควรเป็นของที่แตกหักได้ ตัวแหวนควรค่อนข้างหนาสักหน่อยจึงจะดี หัวแหวนควรใหญ่เช่นกัน ก็จะสามารถเหนี่ยวนำความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมไว้ที่นิ้วกลางนิ้วชี้ ก็จะคุ้มครองผู้สวมใส่ ไม่ควรสวมแหวนนิ้วนางหรือนิ้วก้อยจะทำให้ไม่มีพลัง ส่วนผู้หญิงควรสวมแหวนที่นิ้วกลางนิ้วชี้และนิ้วนางเท่านั้น ก็จะส่งพลังคุ้มครองในทุกเรื่อง ไม่ควรสวมแหวนที่นิ้วก้อย จะทำให้เสียพลังที่เข้มแข็ง ที่สำคัญการสวมแหวนซ้อนกันหลายวงในนิ้วเดียวกันสามารถทำได้ ไม่ได้ทำให้เกิดการสูญเสียหรือมีผลใด ๆ ในเรื่องของความรัก

ผู้ที่เกิดวันพุธ

ท่านที่เกิดวันพุธ ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายให้สวมที่นิ้วมือข้างขวา ตัวเรือนควรทำด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ทอง เงินหรือหยก ตัวแหวนควรพอดีกับนิ้ว ไม่ควรหนาหรือบางจนเกินไป หัวแหวนควรทำด้วยรัตนชาติแท้ หรือทำเป็นรูปเหลี่ยมๆ จะสามารถเพิ่มพลังของความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมแหวนไว้ที่นิ้วชี้ นิ้วกลางหรือนิ้วนางก็ได้ หรือจะใส่ที่นิ้วหัวแม่มือก็ได้เช่นกัน ส่วนผู้หญิงควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลางหรือนิ้วนาง ก็จะสามารถคุ้มครองได้ในทุกๆ เรื่อง นอกจากนี้ยังสามารถสวมแหวนหลายวง หลายนิ้วพร้อมกันได้ หรือจะซ้อนในนิ้วเดียวกันหลายวงก็ได้ ไม่ได้ทำให้เกิดผลเสียในเรื่องของความรักอย่างแน่นอน

ผู้ที่เกิดวันพฤหัส

ท่านที่เกิดวันพฤหัส ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายสวมที่นิ้วมือข้างขวา ตัวเรือนทำด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ทองคำ เงินหรือทองคำขาว ตัวแหวนควรพอดีกับนิ้ว หรือค่อนข้างใหญ่หน่อยก็ยังดี หัวแหวนควรทำด้วยรัตนชาติแท้ แต่ควรจะมีประกายส่องสว่าง ถึงจะสามารถเพิ่มพลังของความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลางหรือนิ้วนางก็ได้ หรือจะใส่ที่นิ้วหัวแม่มือก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรสวมแหวนนิ้วก้อย ส่วนผู้หญิงควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลางหรือนิ้วนาง ก็จะสามารถคุ้มครองได้ในทุกๆเรื่อง นอกจากนี้ไม่ควรสวมแหวนพร้อมกันหลายวง จะทำให้เสียพลังในเรื่องของความรัก เปรียบเหมือนการมีรักซ้อนซ่อนรัก

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

ท่านที่เกิดวันศุกร์ ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายสวมที่นิ้วมือขวา ตัวเรือนควรทำด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ทองคำ เงินหรือทำจากหิน ตัวแหวนควรมีลักษณะเป็นแฟชั่นหยักๆ หรือเป็นคลื่น หัวแหวนควรมีสีสัน หรือเป็นแหวนหลายหัวก็ได้ จะสามารถเพิ่มพลังของความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง หรือนิ้วก้อย หรือจะใส่ที่นิ้วหัวแม่มือก็ได้เช่นกัน ส่วนผู้หญิงสามารถสวมแหวนนิ้วไหนก็ได้ในทุกนิ้ว จะสามารถคุ้มครองได้ในทุกๆ เรื่อง แต่การสวมแหวนซ้อนกันมากจนเกินไป จะทำให้เสียพลังในเรื่องของความรัก เปรียบเหมือนการมีรักซ้อนซ่อนรัก หรือจะกลายเป็นคนที่รักอิสระจนเกินกว่าจะควบคุมได้

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

ท่านที่เกิดวันเสาร์ ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายสวมที่นิ้วมือขวา ตัวเรือนควรทำด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ทองคำ เงินหรือหิน ตัวแหวนควรมีความพอดีกับนิ้ว หรือค่อนข้างใหญ่หน่อยก็ยังดี หัวแหวนควรทำด้วยรัตนชาติแท้ แต่ควรจะมีสีค่อนข้างเข้ม จะสามารถเพิ่มพลังของความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง หรือจะใส่ที่นิ้วหัวแม่มือก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรสวมแหวนที่นิ้วก้อยหรือนิ้วนาง จะเสียพลังในการคุ้มครอง ส่วนผู้หญิง ควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลางหรือนิ้วนางก็จะสามารถคุ้มครองได้ในทุกๆเรื่อง นอกจากนี้ไม่ควรสวมแหวนพร้อมกันหลายวง จะทำให้เสียพลังในเรื่องของความรัก เปรียบเหมือนการมีรักซ้อนซ่อนรัก


หมอแนะกินอย่างไร ไม่ให้ไตพัง/ ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ



หมอแนะกินอย่างไร ไม่ให้ไตพัง

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ อยากได้ ลาภ แบบนี้ก็ต้องดูแลและป้องกันกันแต่เนิ่นๆ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นแนวทางป้องกันที่ดีวิธีหนึ่ง ศูนย์โรคไต โรงพยาบาล วิภาวดี จึงจัดบรรยายพิเศษ กินอย่างไร ไม่ให้ไตพัง แนะหลักโภชนาการบำบัด ให้รู้เท่าทันโรคไต ที่ห้องประชุมใหญ่ โรงพยาบาลวิภาวดี เมื่อเร็วๆนี้

นพ.อุปถัมภ์ ศุภศิลป์ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไตแบบไม่อั้น โดยกล่าวว่า กรณีที่ไตเสื่อม หน้าที่ลงอย่างรวดเร็ว หรือหยุดการทำงานทันทีเรียกว่าไตวายเฉียบพลัน ซึ่งไตอาจจะกลับมา ทำงานเป็นปกติได้ถ้าได้รับการรักษาที่เหมาะสม แต่ถ้าไตเสื่อมลงอย่างช้าๆ อย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ไตเกิดความผิดปกติถาวร กลายเป็นโรคไตเรื้อรัง สาเหตุส่วนใหญ่ ของโรคไตเรื้อรัง ได้แก่ โรคไตจากเบาหวาน ไตอักเสบ โรคไตจากกรรมพันธุ์ เป็นต้น เมื่อเกิดโรคไตเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นจากสาเหตุใดก็ตามจะเกิดการทำลายเนื้อไตอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลายาวนาน เหมือนกับตัวกรองที่เริ่มมีการอุดตัน ทำให้กรองของเสียออกได้ไม่หมด ถ้ามีของเสียเป็นจำนวนมาก ตัวกรองจะตันเร็วขึ้น การช่วยไม่ให้ไตทำงานหนักเกินไป ทำได้ด้วยการรับประทานอาหารให้ถูกต้องอย่างพอเพียง จะช่วยชะลอการเสื่อมของไตได้

ส่วนอาหารที่ไม่เป็นมิตรกับโรคไตเรื้อรังนั้น คุณหมออุปถัมภ์บอกว่า อาหารจำพวกโปรตีนควรลด หรือลดการรับประทานเนื้อสัตว์ แล้วงดอาหารที่มีรสเค็ม เลี่ยงไขมันจากสัตว์และกะทิ ควบคุมน้ำหนักตัว และรับประทานให้ครบ 5 หมู่ แต่ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารโปรตีนต่ำ ตั้งแต่เป็นโรคไตเรื้อรังระยะแรกๆ โดยจำกัดการกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ คือประมาณ 1 1/2 ช้อนกินข้าวต่อน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัมต่อวัน เช่นน้ำหนัก 50 กิโลกรัม จะรับประทานเนื้อสัตว์ได้เพียง 7-8 ช้อนตลอดทั้งวัน

คุณหมออุปถัมภ์ยังแนะนำอีกว่า เนื้อสัตว์ที่ควรหลีกเลี่ยงคือ เนื้อสัตว์ที่มีไขมันมาก เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ หนังหมู หนังไก่ หมูสามชั้น ปลาหมึก หอยนางรม เนื้อสัตว์ที่มีคุณค่าทางอาหารต่ำ ซึ่งจะทำให้ไตต้องทำงานหนักโดยเปล่าประโยชน์ เพื่อขับของเสียออกมา เช่น เอ็นหมู เอ็นวัว ข้อไก่ คากิ หูฉลาม ตีนเป็ด ตีนไก่ และเนื้อสัตว์ที่รับประทานทั้งเปลือกหรือกระดูก เช่น ตั๊กแตน จิ้งหรีด กบหรือเขียด ปลากรอบ กุ้งแห้ง นอกจากนี้ ควรควบคุมอาหารประเภทข้าวและแป้ง ควรรับประทานมื้อละ 2-3 ทัพพีหรือข้าวเหนียวนึ่งครึ่งทัพพี หรือ 4 คำ ถ้าชอบขนมปังขาวก็ทานได้ 2-3 แผ่น หากไม่อิ่มควรเลือกทานแป้งที่มีโปรตีนต่ำทดแทน เช่น วุ้นเส้นถั่วเขียว แป้งมัน แป้งข้าวโพด และสาคู....กินแบบนี้ ไตไม่พังแน่นอน!


วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คนที่กำลังลดน้ำหนัก/ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ





คนที่กำลังลดน้ำหนักก็คงต้องทานอาหารที่ไขมันต่ำกัน แต่จะเลือกอาหารชนิดไหนได้บ้าง บางคนยังคงสับสนอยู่ วันนี้เลดี้ทิปมีตัวอย่างอาหารไขมันต่ำมาให้เลือกทานกันค่ะ

อาหารเช้า

มีผลไม้ หรือน้ำผลไม้ 100% 1/2 - 1 แก้ว

ข้าว แป้ง ขนมปัง เลือกชนิดที่ไม่ขัดสี หรือขัดสีน้อยจะได้เพิ่มใยอาหาร (วันละ 6-8 ทัพพี)

ใช้น้ำมันให้น้อยที่สุด เพราะต้องสงวนไว้ใช้ในมื้อเย็น (เพราะกินกับข้าวหลายอย่าง)

เพิ่มผักในมื้อเช้า 1 ทัพพี

อาหารว่าง

เลือกกินผลไม้แทนขนมอบประเภทเบเกอรี่

เครื่องดื่มร้อนหรือเย็นไม่ใส่ครีมผง ถ้าใช้นมขอเป็นนมไขมันต่ำ

อาหารกลางวัน

เลือกอาหารจานด่วนแบบไขมันน้อย ถ้าเป็นของทอดกรอบ ผัด จะมีน้ำมันมาก

อาหารจานด่วนที่มีหลายขั้นตอน เช่น ข้าวผัดใส่ไข่ ก๋วยเตี๋ยวผัด กระเพาะปลา แต่ละขั้นตอนจะเพิ่มน้ำมันทุกครั้งจึงควรเลี่ยง

อาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวน้ำ ไม่ต้องใส่ น้ำมันเจียว แต่ขอผักเพิ่ม ขอหมูชิ้นไม่ติดมันแทน หมูสับปนมันและไม่ใส่เครื่องใน

ขนมหวานถ้าอยากรับประทาน ไม่ราดหน้าด้วยกะทิ หรือจะเปลี่ยนเป็นผลไม้หลายรส ก็ดีกว่าเป็นไหนๆ

ดื่มน้ำสะอาดแทนเครื่องดื่มเย็นประเภทยกล้อ (กาแฟร้อนใส่นมเยอะๆ)

อาหารเย็น

เลือกไม่ซื้อกับข้าวสำเร็จรูปที่มีกะทิ ผัดเผ็ดแบบทอดกรอบ น้ำมันลอยหน้า แกงจืดที่ซื้อ มาควรอุ่นให้ร้อนๆ ก่อนรับประทาน ถ้ามีน้ำมันกระเทียมเจียวลอยหน้าก็จะได้ตักออกง่าย

ถ้าชอบผัดผักให้ปรุงแบบไทยสไตล์ฝรั่ง คือใช้น้ำมันแต่น้อย

เลือกอาหารที่ปรุงแบบ อบ ต้ม ย่าง นึ่ง ยำ ลาบ ตุ๋น ดีกว่าทอดหรือผัด

เพิ่มผลไม้หวานน้อยๆ เสริมเข้าไป

อาหารเพื่อสุขภาพ

ข้าว แป้ง : เลือกที่ผ่านการขัดสีน้อย

ผัก ผลไม้ : เลือกรับประทานสดหรือเป็นกระป๋อง แต่ไม่ใช่ทุเรียน อโวคาโด ลำไย มะพร้าวกะทิ

เนื้อสัตว์ : เลือกปลา เต้าหู้ ถั่วเมล็ดแห้ง แทนเนื้อสัตว์ที่มีมัน หนัง หรืออาหารแปรรูป

นมและผลิตภัณฑ์จากนม : เลือกนมไขมันต่ำ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของครีม

ไขมัน : เลือกน้ำมันพืชแทนไขมันจากสัตว์ กะทิ มะพร้าว

ใยอาหารเกี่ยวข้องอะไรด้วย

ใยอาหารมี 2 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 จะช่วยกวาดล้างลำไส้ให้สะอาด ป้องกันมะเร็งลำไส้ ได้แก่ พวกก้านผักต่างๆ ส่วนอีกประเภทหนึ่งจะช่วยโอบอุ้มโคเลสเตอรอลในลำไส้ออกมากับอุจจาระ พวกนี้มีใน ผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง ผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ได้แก่ แอปเปิล มะกอก ฝรั่ง สตรอเบอร์รี่ พุทรา ลูกหม่อน ตะขบ ตะลิงปลิง เมล็ดฝักบัว สาลี่ เป็นต้น

เมื่อไปกินอาหารนอกบ้าน

ร้านอาหารในบ้านเรามาจากทุกทวีป ไม่ว่าจะชิมรสชาติของชาติใดล้วนแล้วแต่อร่อยถูกปากคนไทย เราจึงสมบูรณ์เกินกว่ามาตรฐานชาย-หญิงกันแล้ว เมื่อไปกินอาหารนอกบ้านควรพินิจดังนี้

อาหารฟาสต์ฟูด : เลือกที่ไม่ใส่ชีส ไส้กรอก ของทอด ไข่ มายองเนส เลือกเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้ออก รับประทานกับสลัดผักน้ำใส ถ้าเป็นน้ำข้นราดน้ำน้อยๆ ก็พอไหว ส่วนเครื่องดื่มต้องไม่ใส่ครีม นม หรือประเภทมิลค์เช็คก็ไม่ได้นะคะ ไอศกรีมเห็นทีต้องงด แต่ถ้าอดไม่ไหวขอแค่คำสองคำก็น่าจะหายอยากได้ ถ้าเลือกกินอาหารแบบไทย-อีสานได้จะแจ๋วมาก

อาหารอิตาเลียน : คงต้องเลี่ยงพวกชีส เนย หรือซอสที่ผสมครีม เลือกเมนูที่ใช้น้ำมันมะกอกดีกว่า

อาหารจีน : ส่วนใหญ่ใช้น้ำมันมากและใช้เนื้อสัตว์มีมัน ผัดผักก็มีน้ำมันมากพอดู ควรคีบอาหารส่วนบนๆ น้ำมันน้อย หลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์สับ เพราะมักจะมีมันปนมาก ยิ่งของทอดด้วยแล้วคงต้องงดหรือเพียงแค่ชิมก็พอ ส่วนขนมหวานถ้าเป็นลอยแก้วสบายมากรับประทานได้ แต่ระวังน้ำหนักขึ้นด้วย

อาหารญี่ปุ่น : น่าจะดีกว่าเพราะมีไขมันต่ำที่สุด แต่บางอย่างอาจมีเบคอนหรือมายองเนสผสมอยู่ด้วย คงต้องเลือกเมนูก่อนสั่ง แต่ส่วนใหญ่ก็โอเค

การช่วยให้สุขภาพปลอดไขมันส่วนเกินจากอาหารจะสำเร็จได้คงต้องควบคุมพฤติกรรมการกิน ซึ่งอาจยากสักหน่อยในช่วงแรกๆ แต่ถ้าทำเป็นประจำก็จะกลายเป็นความเคยชิน เมนูอาหารประจำวันของเรามีมากมายหลากหลายเลี่ยงอย่างหนึ่งมาเลือกอีกอย่างหนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องยาก หรือลดปริมาณการกินอาหารที่มีไขมันลงบ้างก็ยังคงให้คุณอร่อยกับอาหารได้เหมือนเดิม

คุณต้องตั้งมั่นใจโดยบอกตัวเองและคนที่คุณรักว่าไขมันในเลือดสูงสามารถป้องกันได้ด้วยตัวคุณเอง เพียงแค่ลดการกินน้ำตาล ไขมัน เลือกชนิดและส่วนของเนื้อสัตว์ให้ถูกต้อง เพิ่มผัก ผลไม้ ให้ได้ใยอาหาร ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายบ้าง และทำจิตใจให้ผ่องใส นั่นแหละชีวิตที่มีคุณภาพและปลอดไขมันที่เป็นต้นเหตุของโรคมากมาย







‘ข้าวพื้นเมืองไทย’ ป้องกันโรค/ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ






ข้าวพื้นเมืองไทย ป้องกันโรค

คนไทยเรากินข้าวทั้งข้าวเหนียว ข้าวเจ้ามาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้วครับ จะเห็นได้ว่าในบ้านเรามีพันธุ์ข้าวพื้นเมืองนานาชนิด เจริญเติบโตขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ สิ่งแวดล้อม อากาศและอุณหภูมิที่เหมาะสม และคงจะกินกันไปเรื่อยๆ ครับ เพราะเป็นอาหารหลักของคนไทย แต่แปลกครับ คนไทยเรากินข้าวนั้นกินแบบให้อิ่ม กินให้อยู่ท้อง ไม่ค่อยสนใจหรอกครับว่าการกินข้าวร่างกายจะได้อะไรบ้าง เพราะดูเหมือนว่านักวิจัยเองก็ไม่สนใจอะไรมากมายเกี่ยวกับข้าวพื้นเมืองของไทย ทั้งที่เรากินข้าวมาเป็นร้อยเป็นพันปีแล้ว แถมคนรุ่นหลังไม่กล้ากินข้าวเยอะเพราะกลัวอ้วน เพราะว่ามีคาร์โบไฮเดรตสูง บางคนจึงไปกินอย่างอื่นแทน เพิ่งมีมานี้ครับ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพิ่งอยากทราบว่าในตัวของ ข้าวพื้นเมืองพันธุ์ต่างๆ" มีแหล่งแร่ธาตุทั้งปริมาณธาตุเหล็ก สังกะสี ทองแดง วิตามินอี มีมากน้อยขนาดไหน มีประโยชน์อะไร จึงให้ทุนสนับสนุนการวิจัย แก่ ผศ.ดร.รัชนี คงคาฉุย และคณะจากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จ.นครปฐม ทำการศึกษาวิจัยเรื่อง ปริมาณธาตุเหล็ก สังกะสี และธาตุทองแดง วิตามินอี เบต้าแคโรทีนและลูทีนในข้าวพันธุ์พื้นเมืองจากแหล่งต่างๆ ของประเทศไทย ขึ้นมา คณะวิจัยชุดนี้จึงศึกษาวิจัยข้าวกล้องพันธุ์พื้นเมืองสายพันธุ์ต่างๆ ทั้งที่มีสีและไม่มีสีใน 26 จังหวัด ตั้งแต่ ร้อยเอ็ด เพชรบูรณ์ พิจิตร สระแก้ว มุกดาหาร ตราด พิษณุโลก เชียงราย อุทัยธานี พัทลุง แม่ฮ่องสอน น่าน กาญจนบุรี หนองบัวลำภู ขอนแก่น สุรินทร์ นราธิวาส สตูล บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ลำปาง เชียงใหม่ อุดรธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา และกาฬสินธุ์ ด้วยการนำข้าวพันธุ์พื้นเมืองเหล่านี้มาบดให้ละเอียดแล้วเก็บไว้ในขวดพลาสติกที่ผ่านการแช่กรด ต่อจากนั้นนำไปวิเคราะห์หาปริมาณความชื้นด้วยการอบที่อุณหภูมิมากกว่า 100 องศาเซลเซียส ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ข้าวพันธุ์พื้นเมืองของไทยมีค่าความชื้นเฉลี่ยร้อยละ 9.15 - 11.07 มีคุณค่าทางโภชนาการมากมายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม รวมพันธุกรรมของพันธุ์ข้าว เช่น ข้าวกล้องก่องสีดำจากมุกดาหาร มีวิตามินอีสูงสุด คือ 1793.14 ไมโครกรัมต่อ 100 กรัม นอกจากนี้ยังพบธาตุเหล็กเช่นกัน แต่มีปริมาณต่ำ เช่น ข้าวมันปูจากขอนแก่น มีปริมาณธาตุเหล็ก 6.90 มิลลิกรัม ต่อข้าวดิบ 1 กิโลกรัม ส่วนธาตุสังกะสีมีความสำคัญต่อร่างกาย มีผลต่อความเจริญเติบโตและภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อ เด็กที่ขาดธาตุสังกะสีจะทำให้ร่างกายเตี้ยแคระแกรน ภูมิคุ้มกันต่างๆ ของร่างกายบกพร่อง ข้าวที่ธาตุสังกะสีมากที่สุดคือข้าวเหนียวดำหอมจากพัทลุงครับ มีธาตุสังกะสี 35.50 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมข้าวดิบ ส่วนธาตุทองแดง ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเอนไซม์หลายชนิดในการสร้างพลังงานและสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ พบว่าข้าวเกาเหลียงจากพัทลุง ข้าวม้ามุมจากมุกดาหาร และข้าวมะลิเลื้อยจากสระแก้วมีปริมาณธาตุทองแดง 1.30 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมข้าวดิบ ตรงนี้จะเห็นได้ว่าข้าวพื้นเมืองไทยล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แถมยังสามารถยับยั้งและป้องกันโรคได้หลายอย่างทีเดียว











เตือน! ซื้อ ‘ยาลดอ้วน’ กินเองอาจถึงตาย/ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ



เตือน! ซื้อ ยาลดอ้วน กินเองอาจถึงตาย

สสจ.ลำปางเตือนสาวอยากสวยอย่าริซื้อยาลดความอ้วนมากินเอง อาจะมีอันตรายถึงตายได้ แนะออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน ... เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 52 เภสัชกรหญิงผ่องพรรณ สุเมธวาณิชย์หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุขสำนักงาน สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่ายาลดความอ้วนในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ยาที่ออกฤทธิ์ที่ทางเดินอาหาร และยาที่ออกฤทธิ์ที่สมองส่วนกลาง ซึ่งยาทั้ง 2 ชนิดช่วยให้น้ำหนักลด โดยยาที่ออกฤทธิ์ที่สมองส่วนกลางจะมีผลข้างเคียงที่มี อันตรายถึงชีวิตจึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ซึ่งยาที่นิยมใช้กันคือ ยาเฟนเตอมีน เพราะมีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด และยาดังกล่าวยังมีผลข้างเคียงอื่นๆ อีก ได้แก่ นอนไม่หลับ ปวดศีรษะความดันโลหิตสูง กระวนกระวาย หัวใจเต้นเร็วใช้ไปนานๆ อาจถึงขึ้นติดยาได้ หรือทำให้น้ำหนักลดลงคืนกลับมาอีก รวมทั้งพบอาการอื่นๆ อีก คือ ปากแห้งอาเจียน ท้องผูก เหงื่อออก ตื่นเต้น ม่านตาขยายประสาทหลอน อาจทำให้เกิดโรคจิตได้ ในรายที่มีอาการรุนแรงจะพบว่ามีไข้สูง เจ็บหน้าอก การไหลเวียนของเลือดล้มเหลว ชัก โคม่า และตายได้ นอกจากนี้ หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคฯ กล่าวต่อว่า ยังพบว่ามีการจำหน่ายยาชุดที่มีการนำไปใช้ลดน้ำหนัก โดยจัดไว้เป็นชุดให้รับประทานเหมือนกันในแต่ละวัน ประกอบด้วยยาประมาณ 1 - 5 รายการ อาทิ ยาลดความอยากอาหาร เช่น เฟนเตอมีน และแอมฟีพราโมน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ยาระบาย ยาขับปัสสาวะ ยาลดการหลั่งของกรดในกระเพาอาหาร ซึ่งยานี้ไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก แต่ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาลด ความอยากอาหารทำให้ไม่หิว การที่ร่างกายไม่ได้รับอาหาร แต่ยังมีกรดหลั่งเพื่อย่อยอาหาร อาจเป็นเหตุให้เกิดโรคกระเพาะ จึงให้ยานี้เพื่อลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ยาดไทรอยด์ฮอร์โมน เป็นยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ เป็นยาที่เพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย น้ำหนักจึงลดลงอย่างรวดเร็ว แต่น้ำหนักที่ลดลงเป็นน้ำหนักที่เกิดจากมวลรวมของร่างกาย แทนที่จะเป็นไขมันดังนั้นยานี้จึงส่งผลข้างเคียงสูงมาก และยังเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย ยาลดอัตราการเต้นของหัวใจ เช่น โพรพลาโนลอล ยากลุ่มนี้ปกติใช้ในการรักษาความดันโลหิตสูงและการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ การให้ร่วมกับยาชุดเนื่องจากยาจะลดอาการใจสั่นที่เกิดจากยาลดความอยากอาหาร ยานอนหลับ หรือยาที่มีฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เช่น ไดอาชีแพม มีผลข้างเคียง เช่น ง่วงซึม กดอาการหายใจ ความดันต่ำ ทั้งนี้ เภสัชกรหญิงผ่องพรรณ กล่าวด้วยว่า จึงขอเตือนประชาชนถึงการลดน้ำหนัก วิธีที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ หากจำเป็นต้องใช้ยาลดความอ้วนควรใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น อย่าหาซื้อมาใช้เองเพราะยาลดความอ้วนมักเป็นวัตถุออกฤทธิ์ มีผลข้างเคียงสูงทั้งต่อหัวใจและหลอดเลือดอาจถึงแก่ชีวิตได้ อีกทั้งเตือนร้านขายยาอย่าทำผิดกฎหมาย