Custom Search

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับทานอาหาร ห่างไกลโรคร้ายภัยอ้วน/ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ



เคล็ดลับทานอาหาร ห่างไกลโรคร้ายภัยอ้วน

ปัจจุบันวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมเปลี่ยนไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ความเร่งรีบของการดำเนินชีวิต วัฒนธรรมของต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ทำให้การเลือกรับประทาน อาหารเปลี่ยนไป สังเกตได้ว่าอาหารส่วนใหญ่เต็มไปด้วยแป้ง มีน้ำตาล-ไขมันเป็นส่วนประกอบมากขึ้น แต่ขาดอาหารที่ให้วิตามิน เกลือแร่ อาหารที่มีเส้นใย ทำให้ความสมดุลของการเผาผลาญอาหารผิดปกติไป ส่งผลให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคอื่นๆ ตามมา

เพชรดาว ทัศนศร นักโภชนาการประจำโรงพยาบาลเวชธานี แนะนำว่า การป้องกันโรคอ้วนควรเลือกรับประทานอาหารที่ได้สัดส่วนในแต่ละมื้อ และสำหรับผู้ที่อ้วนแล้วก็ต้องควบคุมอาหาร โดยมีหลักง่ายๆ คือ

1. "อาหารกลุ่มข้าวและแป้ง" ต้องทานให้พอดี ไม่ควรงดรับประทานเลย เพราะอาจทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ สำหรับข้าวและแป้งที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักควรให้เลือกที่ผ่านการขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต ธัญพืช เพราะจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายช้าๆ

2. "อาหารกลุ่มโปรตีนหรือเนื้อสัตว์" เลือกที่ไม่ติดหนัง-ติดมัน หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น แฮม ไส้กรอก กุนเชียง เพราะให้พลังงานสูงและมีไขมันซ่อนอยู่มาก

3. "นม" เลือกรสจืดไขมันต่ำ หากเป็น โยเกิร์ต แนะนำรสธรรมชาติ หากต้องการมีรสชาติก็ให้เติมผลไม้สด

4. "อาหารกลุ่มไขมัน" ไขมันยังมีความจำเป็นต่อร่างกายเพื่อใช้ในการละลายวิตามิน บางตัว แนะนำให้เลือกไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว ยกเว้นน้ำมันปาล์ม กะทิจากมะพร้าว และการปรุงประกอบอาหารแนะนำให้ใช้วิธีอบ ต้ม นึ่ง ตุ๋น ย่าง ผัด แทนการทอดด้วยน้ำมันมากๆ

5. "อาหารให้เส้นใยสูง" ได้จากผักและผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง (ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ) เป็นส่วนใหญ่ เพราะเส้นใยโดยเฉพาะชนิดที่ละลายน้ำ เช่น เพกตินในแอปเปิ้ล สตรอว์เบอร์รี่ ข้าวโอ๊ต จะมีเมือกมาก เมือกจะทำหน้าที่เกาะคอเลสเตอ รอลแล้วขับออกจากร่างกาย สำหรับเส้นใยชนิดไม่ละลายน้ำ เป็นยาระบายตามธรรมชาติป้องกันท้องผูก



6. เลือกทานอาหารที่มีพลังงานต่ำ เช่น ผลไม้ โยเกิร์ต รสธรรมชาติ

7. ฝึกวางแผนการรับประทานอาหาร หากต้องไปงานเลี้ยง โดยในวันนั้นก่อนไปงานเลี้ยง ต้องเลือกทานอาหารไขมันต่ำเส้นใยสูง ไว้ก่อน

8. มีการดัดแปลงอาหารให้เป็นอาหารพลังงานต่ำ เช่น น้ำสลัด พบว่าน้ำสลัดมีน้ำมันพืชเป็นส่วนประกอบ หากมีการดัดแปลงจาก น้ำสลัดมาเป็นน้ำยำ ก็จะทำให้ได้อาหารที่มีไขมันต่ำ

9. ถ้ายังงดดื่มชา-กาแฟไม่ได้ เวลาชงดื่มอย่าใส่น้ำตาลหรือครีมเทียม

10. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง





ออกกำลังกายตามกรุ๊ปเลือด/ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ













ออกกำลังกายตามกรุ๊ปเลือด

เตรียมวิธีออกกำลังกายให้เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดที่แตกต่าง เพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายและใจ ไม่ทำให้ร้ายกล้ามเนื้อเพราะการออกกำลังกายอย่างหักโหม


เริ่มจาก เลือดกรุ๊ปเอ ควรออกกำลังกายแบบช้า ๆ ออกแรงไม่มาก เช่น โยคะ ไท้เก๊ก ชี่กง เพราะมีโครงกระดูกเล็ก หักง่าย สืบเนื่องจากอาหารที่เหมาะสมของคนเลือดกรุ๊ปเอ คือ อาหารประเภทมังสวิรัติ หรือรับประทานเนื้อสัตว์เพียงเล็กน้อย

ส่วนเลือดกรุ๊ปบี ที่รับประทานอาหารทั้งผักทั้งเนื้อสัตว์ได้ในสัดส่วนที่เท่ากัน จึงมีความว่องไว ให้ออกกำลังกายอย่างสมดุล ไม่หักโหมหรือเชื่องช้าเกินไป เช่น ว่ายน้ำ เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ กอล์ฟ ปิงปอง

สำหรับผู้ที่มี เลือดกรุ๊ปเอบี เปรียบเสมือนส่วนผสมของกรุ๊ปเอและบี ให้สังเกตตนเองว่ามักเลือกรับประทานอาหารของกรุ๊ปเอ หรือกรุ๊ปบีมากกว่ากัน เมื่อทราบแล้วก็ให้ออกกำลังกายตามลักษณะของเลือดกรุ๊ปนั้น แต่ก็ควรเพิ่มการออกกำลังกายในแบบที่เหมาะกับเลือดอีกกรุ๊ปด้วย เช่น มักรับประทานผักและผลไม้อย่างคนเลือดกรุ๊ปเอ ก็ให้ออกกำลังกายแบบช้า ๆ เป็นหลัก และเสริมด้วยการออกกำลังกายของคนเลือดกรุ๊ปบีบ้าง

ขณะที่ คนเลือดกรุ๊ปโอ เหมาะสมกับการออกกำลังกายชนิดที่ต้องออกแรงมาก เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล วิ่งทางไกล ชกมวย เนื่องจากสภาพร่างกายสามารถบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูงและผักได้ในปริมาณมาก ทำให้มีโครงกระดูกที่แข็งแรง กล้ามเนื้อกระชับแน่น



ไม่ว่าคุณจะมีเลือดอยู่ในกรุ๊ปใด ต้องไม่ลืมการเดินเร็ว 10 นาที หลังจากออกกำลังกายตามกรุ๊ปเลือดทุกครั้ง นอกจากนี้ยังควรออกมายืดเส้นยืดสาย เคลื่อนไหวร่างกายให้ผิวหนังถูกแสงแดดราว 20 – 30 นาที ในช่วงเวลา 11.00 – 14.00 น. เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวมีรังสียูวีในระดับเข้มข้น ช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินบี 3 เพื่อช่วยลำเลียงแคลเซียมและแร่ธาตุต่าง ๆ ไปยังกระดูก โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นมะเร็งผิวหนัง หากไม่ได้ออกมารับแสงแดดด้วยการนอนอาบแดดอยู่เฉย ๆ กับที่ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวหนัง.


15 เคล็ดลับดูแลสุขภาพพร้อมรับ…ลมหนาว/ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ





15 เคล็ดลับดูแลสุขภาพพร้อมรับลมหนาว

ฤดูหนาวที่กำลังมาเยือนอาจทำให้หลายคนเจ็บไข้ได้ป่วย หรือผิวแห้งแตกลอกได้ง่ายๆ นะคะ วันนี้มีเคล็ดลับดูแลสุขภาพให้คุณพร้อมสู้กับลมหนาวในปีนี้มาฝากค่ะ


1.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้เพียงพอและครบหมู่ ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ตรากตรำทำงานหนักจนเกินไป

การรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงจะช่วยให้คุณพร้อมสู้กับโรคภัยไข้เจ็บที่พบได้บ่อยในฤดูหนาว เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมถึงไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เกรงกันว่าจะระบาดระลอกที่ 2 ด้วย


2.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และยาเสพติดต่างๆ เนื่องจากจะทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมโทรม เท่ากับเพิ่มโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

3.อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงสถานที่ชุมชนที่แออัดยัดเยียด โดยเฉพาะหากมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่


4.ล้างมือบ่อยๆ เพราะอาจไปสัมผัสเชื้อโรคที่ติดอยู่ตามสิ่งของต่างๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได ปุ่มลิฟต์ โทรศัพท์สาธารณะ เป็นต้น

5.หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย และไม่ควรใช้ของร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ จานชาม ช้อนส้อม

6.หากป่วยแล้วมีอาการไอหรือจาม ควรมีผ้าปิดปากและจมูก หรือสวมหน้ากากอนามัย

7.ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด อาการจะกำเริบได้ง่ายในฤดูนี้ นอกจากอากาศเย็นที่เป็นสาเหตุโดยตรงแล้ว ก็อาจเนื่องมาจากฤดูหนาวจะมีฝุ่นมาก หรืออากาศหนาวทำให้เราต้องนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาอยู่ร่วมกันในบ้าน หากแพ้ขนสัตว์ก็จะทำให้อาการกำเริบมากขึ้น หรือการนอนนานๆ ในฤดูหนาวซึ่งมืดเร็วและสว่างช้า ก็เพิ่มโอกาสที่จะทำให้แพ้ตัวไรฝุ่นตามที่นอน หมอน ผ้าห่มได้มากขึ้น ดังนั้นควรระมัดระวังสิ่งกระตุ้นเหล่านี้และรักษาร่างกายให้แข็งแรงเข้าไว้

8.พยายามรักษาร่างกายให้อบอุ่นในช่วงฤดูหนาวหรือช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง ใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นเหมาะกับฤดูกาล หากอยู่ในที่ที่หนาวมากควรสวมหมวก เพื่อลดการถ่ายเทความร้อนออกจากร่างกาย

9.การอาบน้ำหลังจากตื่นนอนอาจไม่จำเป็นต้องฟอกสบู่หรือฟอกเพียงบางจุด หรือหากอยู่ในที่ที่อากาศหนาวมากๆ อาจไม่จำเป็นต้องอาบน้ำวันละสองครั้งตามปกติ และไม่ควรอาบน้ำนานๆ

10.ไม่ควรอาบน้ำอุ่นจัดจนเกินไป โดยเฉพาะการล้างหน้า เพราะน้ำอุ่นจะทำให้ความชุ่มชื้นของผิวหายไป นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีฟองมากๆ เพราะจะดึงความชุ่มชื้นไปจากผิว และไม่ควรเช็ดถูผิวแรงๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวลอกมากขึ้น

11.ทาโลชั่นบำรุงผิวหลังอาบน้ำขณะที่ตัวยังหมาดๆ จะช่วยป้องกันผิวแห้ง แตก ลอก ในฤดูหนาวได้ และควรทาให้ทั่วร่างกาย ไม่ใช่เฉพาะแขนกับขาเท่านั้น รวมทั้งส่วนที่เรามักไม่ใส่ใจ เช่น เท้า การทาโลชั่นและสวมถุงเท้านอน จะช่วยให้เท้าเนียนนุ่มชุ่มชื้น ลดปัญหาส้นเท้าแตกได้อีกด้วย


ส่วนมือที่แห้งและแตก ก็ควรหมั่นทาครีม หรือโลชั่น เช่นกัน นอกจากจะช่วยให้ความชุ่มชื้นแล้วยังช่วยให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นด้วย สำหรับใครที่มือแห้งมากๆ ลองนวดด้วยน้ำมันมะกอกทิ้งไว้สักพัก ล้างออกด้วยน้ำสบู่ แล้วนวดด้วยครีมทามืออีกครั้ง ไม่ช้าริ้วรอยแห้งแตกก็จะหายไป ส่วนผู้ที่ต้องใช้มือทำงานสัมผัสน้ำอยู่ตลอดเวลา เช่น ล้างจาน ซักผ้า ช่วงหน้าหนาวจะยิ่งรู้สึกแสบมือมาก อาจมีอาการบวมแดงและแตกได้ ควรป้องกันด้วยการสวมถุงมือยางกันน้ำ



12.ริมฝีปากที่แห้งแตกก็ควรได้รับการบำรุงและปกป้องเช่นกัน สมัยนี้มีลิปมัน ลิปบาล์ม ให้เลือกใช้มากมาย รวมทั้งชนิด For Men ของคุณผู้ชายด้วย สำหรับผู้ชายที่รู้สึกเขินเวลาใช้ลิปแท่ง อาจเลือกซื้อชนิดตลับไว้พกติดตัวก็ได้ ที่สำคัญ ไม่ควรเลียริมฝีปากบ่อยๆ เพราะจะยิ่งทำให้ปากแห้งแตกมากขึ้น


13.ในช่วงหน้าหนาวไม่จำเป็นต้องสระผมบ่อยๆ เช่นกัน และใช้แชมพูในปริมาณน้อยๆ ก็เพียงพอแล้ว เพราะจะทำให้เส้นผมแห้งแตกปลายได้ง่าย และยังทำให้หนังศีรษะแห้งเกินไปจนเกิดรังแคได้อีกด้วย สำหรับผมที่แห้งมาก การเลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมที่เหมาะสำหรับผมแห้งจะช่วยได้ หลังการสระผมอาจใช้น้ำมันบำรุงเส้นผมทาเคลือบที่ปลายผมบางๆ เพื่อลดไฟฟ้าสถิต ช่วยให้ผมไม่ฟู

14.บำรุงร่างกายภายนอกกันแล้ว ก็อย่าลืมบำรุงร่างกายให้ชุ่มชื้นจากภายในด้วย โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยเฉพาะน้ำอุ่นซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของคุณอุ่นขึ้น นอกจากนี้ควรรับประทานผักผลไม้สดให้มากด้วย เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นจากภายใน

15.การเลือกซื้อเสื้อกันหนาวก็สำคัญค่ะ บางคนเลือกซื้อเสื้อกันหนาวมือสอง เนื่องจากมีราคาถูก แต่ก็อาจนำเชื้อโรคต่างๆ ติดมาด้วย ควรเลือกให้ดี อย่าให้มีรอยด่างดำและรอยคราบสารคัดหลั่งต่างๆ หรือกลิ่นอับชื้นติดอยู่ เพราะอาจทำให้ติดเชื้อโรคได้ เช่น โรคผิวหนัง โรคติดเชื้อ เชื้อรา หรือโรคทางเดินหายใจต่างๆ ก่อนนำไปสวมใส่ควรต้มในน้ำเดือด และซักให้สะอาด แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้งสนิท


แม้แต่เสื้อกันหนาวใหม่ๆ ก็ควรนำไปซักแล้วตากแดดก่อนนำไปสวมใส่เช่นกัน เพราะในเนื้อผ้าอาจมีสารเคมีที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังหรือโรคทางเดินหายใจต่างๆ ได้เช่นกัน



15 เคล็ดลับดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาวทั้งหมดที่กล่าวมา คงจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง พร้อมรับลมหนาวที่กำลังมาเยือนค่ะ







7 วันเพื่อบั้นท้ายงอนงาม สำหรับสายๆ/ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ





7 วันเพื่อบั้นท้ายงอนงาม สำหรับสายๆ

ใครที่แอบไม่แฮปปี้กับบั้นท้ายที่ไม่เฟิร์มของตัวเองอยู่ลึกๆ ลองลุกขึ้นมาทำตามท่าต่างๆ ต่อไปนี้ดู แล้วจะพบว่าความมหัศจรรย์นั้นมีจริง!

1 ย่อกับเก้าอี้

ยืนหันหลังให้เก้าอี้โดยแยกขาให้กว้างเท่ากับช่วงสะโพก ย่อเข่าลงเหมือนจะนั่ง โดยให้แผ่นหลังตรง หน้าท้องแขม่ว และหัวเข่าไม่ยื่นล้ำเลยนิ้วเท้าออกไปจนก้นแตะเก้าอี้ แล้วจึงเกร็งกล้ามเนื้อกันให้แน่นก่อนยกตัวขึ้นยืนอีกครั้งทำซ้ำเซตละ 8-12 ครั้งประมาณ 2-3 เซต

2 ตะแคงเตะ

ท่านี้จะทำแบบยืนหรือนอนตะแคงก็ได้ตามแต่สะดวก หากทำในท่ายืนก็เพียงแต่เตะหรือยกขาออกไปด้านข้างลำตัวให้เท้าลอยสูงเหนือพื้นพอสมควร โดยให้สะโพก เข่า และเท้ายืดตรงพร้อมกับกระดกปลายเท้าเข้าหาลำตัวจนรู้สึกขาตึง ทำท่านี้ข้างละ 8-12 ครั้ง

3 ย่อแบบสไลด์ขา

ยืนขาชิดกัน หาจานกระดาษหนึ่งใบวางไว้ใต้เท้าซ้าย (เพื่อให้สไลด์ขาได้ง่าย) ย่อขาขวาลงขณะที่ค่อยๆ สไลด์ขาซ้ายไปด้านหลังจนตึง โดยเข่าข้างขวาไม่ยื่นล้ำแนวนิ้วเท้าออกไป ลำตัวยืดตรงและแขม่วท้อง แล้วค่อยๆ สไลด์ขาซ้ายกลับมายังท่าเริ่มต้น ทำเซตละ 8-12 ครั้ง แล้วสลับเป็นขวา ทำซ้ำข้างละ 2-3 เซต



กิจกรรมอื่นๆ ที่สามารถช่วยให้บั้นท้ายของเรายกระชับสวยได้นั้นยังมีอีกเยอะ

ปีนเขาหรือเดินป่า

นอกจากจะทำให้เราเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติแล้ว การที่ต้องปืนป่ายในภูมิประเทศที่ไม่ใช่พื้นราบนั้นช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ดีนัก

ขี่จักรยาน

ไม่ว่าจะถีบรถเล่นในสวนสาธารณะแถวบ้านหรือปั่นแบบเอาเป็นเอาตายในคลาสเรียนสปินนิ่งตามฟิตเนสสิ่งที่จะได้คือหัวใจที่สูบฉีดโลหินดีกว่าเดิม ก้น สะโพก และต้นขาที่เพรียวขึ้น ถ้าขี่ติดต่อกัน 45 นาทีจะช่วยเผาผลาญพลังงานไปได้มากกว่า 335 แคลอรีทีเดียว

เดินเล่น

นี่เป็นการออกกำลังกายแบบที่ง่ายที่สุด อยากจะทำเมื่อไรก็สาามารถลุกขึ้นออกเดินไปได้เรื่อยๆ ยิ่งถ้าขยันเดินเร็วๆ ไปตามทางที่มีเนินขึ้นๆ ลงๆ ก็สามารถลดลงไปได้ 300 แคลอรีในหนึ่งชั่วโมงเลยทีดียว

วิ่ง

การวิ่งก็สามารถทำได้ง่ายเช่นกัน ขอเพียงแต่มีรองเท้าที่ดีสักคู่กับเสื้อผ้าที่เหมาะสม ยิ่งเป็นการวิ่งเร็วเหมือนกำลังวิ่งแข่งอยู่นั้นยิ่งช่วยลดน้ำหนักและทำให้ก้นกระชับขึ้นได้ดีมาก หรือเพียงแค่การวิ่งเหยาะๆ 45 นาทีก็ลดลงไปแล้ว 475 แคลอรี





วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

“ออกกำลังกายตอนไหนเหมาะกับคุณที่สุด”/ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ





ออกกำลังกายตอนไหนเหมาะกับคุณที่สุดออกกำลังกายเพื่อวัตถุประสงค์แบบไหน ก็มีเวลาที่เหมาะสมต่างกัน

1. ออกกำลังเพื่อลดน้ำหนัก

ถ้าออกกำลังเพื่อพิฆาตความอ้วน เวลาเช้าๆ นี่ล่ะเหมาะที่สุด เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายจะนำคาร์โบไฮเดรต จากอาหารมื้อเย็นของเมื่อวานมาใช้เป็นพลังงาน จึงสลายไขมันและเผาผลาญแคลอรีได้ดีกว่าการออกกำลังกายในตอนเย็นเยอะ

2. ออกกำลังเพื่อฟิตกล้ามเนื้อ

สงสัยหนุ่มๆ คงชอบทำข้อนี้มากกว่าสาวๆ เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการฟิตกล้ามคือเวลาในช่วงบ่ายเพราะมีผลการวิจัยบอกว่า กล้ามเนื้อของเราจะพร้อมและใช้งานได้ดีที่สุดตั้งแต่เวลาเที่ยงเป็นต้นไป ส่วนช่วงเช้า กล้ามเนื้อจะยังตื่นตัวไม่เต็มที่นัก

3. ออกกำลังเพื่อผ่อนคลาย

ถ้าอยากออกแรงเพื่อสลายความเครียด ขอแนะนำให้ไปอัพแอนด์ดาวน์เอาตอนบ่ายๆ หรือจะเย็นไปเลยก็ได้ เพราะการออกกำลังกายช่วงนี้จะทำให้หลับสบายในตอน กลางคืน แต่ถ้าไปออกแรงหนักๆ อย่างนี้ในตอนเช้า เดี๋ยวไปง่วงนอนตอนบ่ายแล้วเจ้านายค้อนเอาไม่รู้ด้วย

4. ออกกำลังเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์

ก็เป็นเวลาเช้าอยู่แล้ว เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าเวลานี้เป็นช่วงที่อากาศแจ่มใสที่สุดของวัน การออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ จะทำให้สมองและร่างกายทุกส่วนรับออกซิเจนได้มากขึ้น จึงจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก


ลดน้ำหนักง่ายๆ ด้วยสมุนไพรใกล้ตัว/ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ




ลดน้ำหนักง่ายๆ ด้วยสมุนไพรใกล้ตัว

งานวิจัยจากแพทย์สมัยใหม่เขาบอกว่า แค่สมุนไพรที่หาได้ใกล้ๆ บ้านก็ช่วยให้คุณผอมได้แล้ว

ขิง

ทำไมกินขิงแล้วถึงร้อน คำตอบก็คือเพราะมันไปเร่งกระบวนการเผาผลาญพลังงานในตัวเรน่ะสิ จะพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์หรือของอ้วนๆ ทั้งหลายที่กินเข้าไป เจอน้ำขิงร้อนๆ สักแก้วไม่นานร่างกายก็เผาผลาญหมด แถมขิงยังมีเอนไซม์ช่วยเรื่องการย่อยสูงมากๆ เมื่อกินแล้วย่อยหมดก็ไม่ต้องกลัวว่าพุงจะป่องจนใส่ชุดรัดรูปไม่ได้

ชาดอกชบา

ชาชนิดนี้จะทำให้ร่างกายดูดซึมไขมันไปเก็บไว้น้อยลง ไขมันที่เหลือจึงถึงขับทิ้งไปจนหมด และยังช่วยล้างพิษออกจากลำไส้ ลดอาการบวมน้ำก่อนมีประจำเดือน เห็นไหม มีแต่เรื่องผอมๆ ทั้งนั้น

ขมิ้น

สรรพคุณของเจ้าสมุนไพรที่หาซื้อง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยชนิดนี้ เริ่ด! เพราะมันต่อต้านไม่ให้ร่างกายสะสมไขมัน จึงเป็นยาลดความอ้วนเลยล่ะ นักวิจัยเขาทดลองเอาขมิ้นบดให้หมูกิน ปรากฏว่าเจ้าหมูผอมเอาๆ ทั้งๆ ที่ยังกินอาหารไขมันสูงอย่างอื่นคู่ไปด้วย .. ของดีๆ อยู่ในบ้านเรานี่เอง

ช็อกโกแลต

ขอย้ำว่าไม่ได้พิมพ์ผิด ของอ้วนตัวแม่อย่างช็อกโกแลตนี่ล่ะช่วยลดความอ้วนได้จริงๆ แต่ต้องเป็นดาร์กช็อกโกแลต หรือ ช็อกโกแลตที่ไม่ใส่นมไม่เติมน้ำตาลเท่านั้น เพราะที่จริงแล้วในช็อกโกแลตแท้ๆ จะมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยสลายไขมันในเลือดอยู่เพียบ แต่ที่เรากินแล้วอ้วนก็เพราะคนขายเขาใส่ช็อกโกแลตนิดเดียวแต่เพิ่มนมน้ำตาลมาเพียบต่างหาก





วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ใส่แหวนอย่างไร ให้ถูกต้องตามโหราศาสตร์/ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ





ใส่แหวนอย่างไร ให้ถูกต้องตามโหราศาสตร์

เพราะชายหญิงมีธาตุที่แตกต่างกันจึงมีวิธีการที่ แตกต่างกัน จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แหวนวงน้อยนี้ สามารถคุ้มครองผู้สวมใส่ได้เช่นกัน เรื่องนี้เป็น วัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณกาล อย่างที่ขุดได้ในกรุสมัย โบราณ ลองไปดูที่พิพิทธภัณฑ์เจ้าสามพระยาที่จังหวัด อยุธยา ก็จะมีแหวนหยกแหวนทองคำแท้และรัตนชาติ ต่างๆ รวมอยู่ด้วย สิ่งนี้เป็นหลักฐานพยานที่ดีอย่างยิ่ง ลองดูรายละเอียดต่อไปนี้

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

ท่านที่เกิดวันอาทิตย์ ผู้หญิงให้สวมแหวนมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายสวมแหวนมือข้างขวา ตัวเรือนควรทำจากทองแท้ เงินแท้หรือหยก ถึงจะส่งพลังดี ๆ ออกมาคุ้มครอง ในการสวมแหวน หากเป็นผู้ชายให้เน้นไปที่นิ้วกลางและนิ้วชี้ อันหมายถึงพลังอำนาจการปกครองและ วาสนาบารมี แต่หากจะสวมแหวนที่นิ้วหัวแม่มือก็ขอให้ดูตัวเองก่อน เพราะการสวมที่หัวแม่มือนั้น ต้องเป็นผู้มีเงินทองแบบหลงจู๊อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะเกินวาสนาตน ส่วนผู้หญิงก็ให้สวมมือซ้ายนิ้วนางหรือนิ้วกลาง ก็จะเสริมพลังของตัวเองให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ในการสวมแหวนหลายวงในนิ้วเดียวกันนั้น ไม่ควรทำ จะทำให้เกิดความผิดพลาดในเรื่องของความรักได้ง่าย ๆ

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

ท่านที่เกิดวันจันทร์ ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายให้สวมมือข้างขวา ตัวเรือนควรทำด้วยทองคำ เงิน นาค โลหะผสม หรือหินสีต่างๆก็ได้ แต่ควรเป็นแหวนที่วงค่อนข้างผอม บาง หัวแหวนเล็กๆ จึงจะสอดคล้องกับผู้ที่เกิดในวันจันทร์ ผู้ชายควรสวมแหวนเน้นไปที่นิ้วชี้ นิ้วนาง นิ้วกลางก็จะเสริมดวงและคุ้มครอง ห้ามสวมแหวนนิ้วก้อยและนิ้วหัวแม่มือเด็ดขาด ส่วนผู้หญิงก็ให้สวมที่นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย ก็จะเกิดความเจริญรุ่งเรือง สร้างพลังแห่งเมตตามหานิยมแก่เจ้าของ ไม่ควรสวมแหวนที่นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือ สามารถสวมแหวนซ้อนกันสองวงได้ แต่ถ้าเป็นสามวงซ้อนในนิ้วเดียวกันไม่ควรอย่างยิ่ง จะทำให้เกิดความผิดพลาด ในเรื่องของความรักได้ง่าย ๆ

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

ท่านที่เกิดวันอังคาร ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายให้สวมนิ้วมือข้างขวา ตัวเรือนทำด้วยอะไรก็ได้ แต่ไม่ควรเป็นของที่แตกหักได้ ตัวแหวนควรค่อนข้างหนาสักหน่อยจึงจะดี หัวแหวนควรใหญ่เช่นกัน ก็จะสามารถเหนี่ยวนำความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมไว้ที่นิ้วกลางนิ้วชี้ ก็จะคุ้มครองผู้สวมใส่ ไม่ควรสวมแหวนนิ้วนางหรือนิ้วก้อยจะทำให้ไม่มีพลัง ส่วนผู้หญิงควรสวมแหวนที่นิ้วกลางนิ้วชี้และนิ้วนางเท่านั้น ก็จะส่งพลังคุ้มครองในทุกเรื่อง ไม่ควรสวมแหวนที่นิ้วก้อย จะทำให้เสียพลังที่เข้มแข็ง ที่สำคัญการสวมแหวนซ้อนกันหลายวงในนิ้วเดียวกันสามารถทำได้ ไม่ได้ทำให้เกิดการสูญเสียหรือมีผลใด ๆ ในเรื่องของความรัก

ผู้ที่เกิดวันพุธ

ท่านที่เกิดวันพุธ ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายให้สวมที่นิ้วมือข้างขวา ตัวเรือนควรทำด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ทอง เงินหรือหยก ตัวแหวนควรพอดีกับนิ้ว ไม่ควรหนาหรือบางจนเกินไป หัวแหวนควรทำด้วยรัตนชาติแท้ หรือทำเป็นรูปเหลี่ยมๆ จะสามารถเพิ่มพลังของความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมแหวนไว้ที่นิ้วชี้ นิ้วกลางหรือนิ้วนางก็ได้ หรือจะใส่ที่นิ้วหัวแม่มือก็ได้เช่นกัน ส่วนผู้หญิงควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลางหรือนิ้วนาง ก็จะสามารถคุ้มครองได้ในทุกๆ เรื่อง นอกจากนี้ยังสามารถสวมแหวนหลายวง หลายนิ้วพร้อมกันได้ หรือจะซ้อนในนิ้วเดียวกันหลายวงก็ได้ ไม่ได้ทำให้เกิดผลเสียในเรื่องของความรักอย่างแน่นอน

ผู้ที่เกิดวันพฤหัส

ท่านที่เกิดวันพฤหัส ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายสวมที่นิ้วมือข้างขวา ตัวเรือนทำด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ทองคำ เงินหรือทองคำขาว ตัวแหวนควรพอดีกับนิ้ว หรือค่อนข้างใหญ่หน่อยก็ยังดี หัวแหวนควรทำด้วยรัตนชาติแท้ แต่ควรจะมีประกายส่องสว่าง ถึงจะสามารถเพิ่มพลังของความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลางหรือนิ้วนางก็ได้ หรือจะใส่ที่นิ้วหัวแม่มือก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรสวมแหวนนิ้วก้อย ส่วนผู้หญิงควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลางหรือนิ้วนาง ก็จะสามารถคุ้มครองได้ในทุกๆเรื่อง นอกจากนี้ไม่ควรสวมแหวนพร้อมกันหลายวง จะทำให้เสียพลังในเรื่องของความรัก เปรียบเหมือนการมีรักซ้อนซ่อนรัก

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

ท่านที่เกิดวันศุกร์ ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายสวมที่นิ้วมือขวา ตัวเรือนควรทำด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ทองคำ เงินหรือทำจากหิน ตัวแหวนควรมีลักษณะเป็นแฟชั่นหยักๆ หรือเป็นคลื่น หัวแหวนควรมีสีสัน หรือเป็นแหวนหลายหัวก็ได้ จะสามารถเพิ่มพลังของความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง หรือนิ้วก้อย หรือจะใส่ที่นิ้วหัวแม่มือก็ได้เช่นกัน ส่วนผู้หญิงสามารถสวมแหวนนิ้วไหนก็ได้ในทุกนิ้ว จะสามารถคุ้มครองได้ในทุกๆ เรื่อง แต่การสวมแหวนซ้อนกันมากจนเกินไป จะทำให้เสียพลังในเรื่องของความรัก เปรียบเหมือนการมีรักซ้อนซ่อนรัก หรือจะกลายเป็นคนที่รักอิสระจนเกินกว่าจะควบคุมได้

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

ท่านที่เกิดวันเสาร์ ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายสวมที่นิ้วมือขวา ตัวเรือนควรทำด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ทองคำ เงินหรือหิน ตัวแหวนควรมีความพอดีกับนิ้ว หรือค่อนข้างใหญ่หน่อยก็ยังดี หัวแหวนควรทำด้วยรัตนชาติแท้ แต่ควรจะมีสีค่อนข้างเข้ม จะสามารถเพิ่มพลังของความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง หรือจะใส่ที่นิ้วหัวแม่มือก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรสวมแหวนที่นิ้วก้อยหรือนิ้วนาง จะเสียพลังในการคุ้มครอง ส่วนผู้หญิง ควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลางหรือนิ้วนางก็จะสามารถคุ้มครองได้ในทุกๆเรื่อง นอกจากนี้ไม่ควรสวมแหวนพร้อมกันหลายวง จะทำให้เสียพลังในเรื่องของความรัก เปรียบเหมือนการมีรักซ้อนซ่อนรัก


หมอแนะกินอย่างไร ไม่ให้ไตพัง/ ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ



หมอแนะกินอย่างไร ไม่ให้ไตพัง

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ อยากได้ ลาภ แบบนี้ก็ต้องดูแลและป้องกันกันแต่เนิ่นๆ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นแนวทางป้องกันที่ดีวิธีหนึ่ง ศูนย์โรคไต โรงพยาบาล วิภาวดี จึงจัดบรรยายพิเศษ กินอย่างไร ไม่ให้ไตพัง แนะหลักโภชนาการบำบัด ให้รู้เท่าทันโรคไต ที่ห้องประชุมใหญ่ โรงพยาบาลวิภาวดี เมื่อเร็วๆนี้

นพ.อุปถัมภ์ ศุภศิลป์ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไตแบบไม่อั้น โดยกล่าวว่า กรณีที่ไตเสื่อม หน้าที่ลงอย่างรวดเร็ว หรือหยุดการทำงานทันทีเรียกว่าไตวายเฉียบพลัน ซึ่งไตอาจจะกลับมา ทำงานเป็นปกติได้ถ้าได้รับการรักษาที่เหมาะสม แต่ถ้าไตเสื่อมลงอย่างช้าๆ อย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ไตเกิดความผิดปกติถาวร กลายเป็นโรคไตเรื้อรัง สาเหตุส่วนใหญ่ ของโรคไตเรื้อรัง ได้แก่ โรคไตจากเบาหวาน ไตอักเสบ โรคไตจากกรรมพันธุ์ เป็นต้น เมื่อเกิดโรคไตเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นจากสาเหตุใดก็ตามจะเกิดการทำลายเนื้อไตอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลายาวนาน เหมือนกับตัวกรองที่เริ่มมีการอุดตัน ทำให้กรองของเสียออกได้ไม่หมด ถ้ามีของเสียเป็นจำนวนมาก ตัวกรองจะตันเร็วขึ้น การช่วยไม่ให้ไตทำงานหนักเกินไป ทำได้ด้วยการรับประทานอาหารให้ถูกต้องอย่างพอเพียง จะช่วยชะลอการเสื่อมของไตได้

ส่วนอาหารที่ไม่เป็นมิตรกับโรคไตเรื้อรังนั้น คุณหมออุปถัมภ์บอกว่า อาหารจำพวกโปรตีนควรลด หรือลดการรับประทานเนื้อสัตว์ แล้วงดอาหารที่มีรสเค็ม เลี่ยงไขมันจากสัตว์และกะทิ ควบคุมน้ำหนักตัว และรับประทานให้ครบ 5 หมู่ แต่ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารโปรตีนต่ำ ตั้งแต่เป็นโรคไตเรื้อรังระยะแรกๆ โดยจำกัดการกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ คือประมาณ 1 1/2 ช้อนกินข้าวต่อน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัมต่อวัน เช่นน้ำหนัก 50 กิโลกรัม จะรับประทานเนื้อสัตว์ได้เพียง 7-8 ช้อนตลอดทั้งวัน

คุณหมออุปถัมภ์ยังแนะนำอีกว่า เนื้อสัตว์ที่ควรหลีกเลี่ยงคือ เนื้อสัตว์ที่มีไขมันมาก เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ หนังหมู หนังไก่ หมูสามชั้น ปลาหมึก หอยนางรม เนื้อสัตว์ที่มีคุณค่าทางอาหารต่ำ ซึ่งจะทำให้ไตต้องทำงานหนักโดยเปล่าประโยชน์ เพื่อขับของเสียออกมา เช่น เอ็นหมู เอ็นวัว ข้อไก่ คากิ หูฉลาม ตีนเป็ด ตีนไก่ และเนื้อสัตว์ที่รับประทานทั้งเปลือกหรือกระดูก เช่น ตั๊กแตน จิ้งหรีด กบหรือเขียด ปลากรอบ กุ้งแห้ง นอกจากนี้ ควรควบคุมอาหารประเภทข้าวและแป้ง ควรรับประทานมื้อละ 2-3 ทัพพีหรือข้าวเหนียวนึ่งครึ่งทัพพี หรือ 4 คำ ถ้าชอบขนมปังขาวก็ทานได้ 2-3 แผ่น หากไม่อิ่มควรเลือกทานแป้งที่มีโปรตีนต่ำทดแทน เช่น วุ้นเส้นถั่วเขียว แป้งมัน แป้งข้าวโพด และสาคู....กินแบบนี้ ไตไม่พังแน่นอน!


วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คนที่กำลังลดน้ำหนัก/ลดหุ่น ง่ายๆของคุณ





คนที่กำลังลดน้ำหนักก็คงต้องทานอาหารที่ไขมันต่ำกัน แต่จะเลือกอาหารชนิดไหนได้บ้าง บางคนยังคงสับสนอยู่ วันนี้เลดี้ทิปมีตัวอย่างอาหารไขมันต่ำมาให้เลือกทานกันค่ะ

อาหารเช้า

มีผลไม้ หรือน้ำผลไม้ 100% 1/2 - 1 แก้ว

ข้าว แป้ง ขนมปัง เลือกชนิดที่ไม่ขัดสี หรือขัดสีน้อยจะได้เพิ่มใยอาหาร (วันละ 6-8 ทัพพี)

ใช้น้ำมันให้น้อยที่สุด เพราะต้องสงวนไว้ใช้ในมื้อเย็น (เพราะกินกับข้าวหลายอย่าง)

เพิ่มผักในมื้อเช้า 1 ทัพพี

อาหารว่าง

เลือกกินผลไม้แทนขนมอบประเภทเบเกอรี่

เครื่องดื่มร้อนหรือเย็นไม่ใส่ครีมผง ถ้าใช้นมขอเป็นนมไขมันต่ำ

อาหารกลางวัน

เลือกอาหารจานด่วนแบบไขมันน้อย ถ้าเป็นของทอดกรอบ ผัด จะมีน้ำมันมาก

อาหารจานด่วนที่มีหลายขั้นตอน เช่น ข้าวผัดใส่ไข่ ก๋วยเตี๋ยวผัด กระเพาะปลา แต่ละขั้นตอนจะเพิ่มน้ำมันทุกครั้งจึงควรเลี่ยง

อาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวน้ำ ไม่ต้องใส่ น้ำมันเจียว แต่ขอผักเพิ่ม ขอหมูชิ้นไม่ติดมันแทน หมูสับปนมันและไม่ใส่เครื่องใน

ขนมหวานถ้าอยากรับประทาน ไม่ราดหน้าด้วยกะทิ หรือจะเปลี่ยนเป็นผลไม้หลายรส ก็ดีกว่าเป็นไหนๆ

ดื่มน้ำสะอาดแทนเครื่องดื่มเย็นประเภทยกล้อ (กาแฟร้อนใส่นมเยอะๆ)

อาหารเย็น

เลือกไม่ซื้อกับข้าวสำเร็จรูปที่มีกะทิ ผัดเผ็ดแบบทอดกรอบ น้ำมันลอยหน้า แกงจืดที่ซื้อ มาควรอุ่นให้ร้อนๆ ก่อนรับประทาน ถ้ามีน้ำมันกระเทียมเจียวลอยหน้าก็จะได้ตักออกง่าย

ถ้าชอบผัดผักให้ปรุงแบบไทยสไตล์ฝรั่ง คือใช้น้ำมันแต่น้อย

เลือกอาหารที่ปรุงแบบ อบ ต้ม ย่าง นึ่ง ยำ ลาบ ตุ๋น ดีกว่าทอดหรือผัด

เพิ่มผลไม้หวานน้อยๆ เสริมเข้าไป

อาหารเพื่อสุขภาพ

ข้าว แป้ง : เลือกที่ผ่านการขัดสีน้อย

ผัก ผลไม้ : เลือกรับประทานสดหรือเป็นกระป๋อง แต่ไม่ใช่ทุเรียน อโวคาโด ลำไย มะพร้าวกะทิ

เนื้อสัตว์ : เลือกปลา เต้าหู้ ถั่วเมล็ดแห้ง แทนเนื้อสัตว์ที่มีมัน หนัง หรืออาหารแปรรูป

นมและผลิตภัณฑ์จากนม : เลือกนมไขมันต่ำ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของครีม

ไขมัน : เลือกน้ำมันพืชแทนไขมันจากสัตว์ กะทิ มะพร้าว

ใยอาหารเกี่ยวข้องอะไรด้วย

ใยอาหารมี 2 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 จะช่วยกวาดล้างลำไส้ให้สะอาด ป้องกันมะเร็งลำไส้ ได้แก่ พวกก้านผักต่างๆ ส่วนอีกประเภทหนึ่งจะช่วยโอบอุ้มโคเลสเตอรอลในลำไส้ออกมากับอุจจาระ พวกนี้มีใน ผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง ผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ได้แก่ แอปเปิล มะกอก ฝรั่ง สตรอเบอร์รี่ พุทรา ลูกหม่อน ตะขบ ตะลิงปลิง เมล็ดฝักบัว สาลี่ เป็นต้น

เมื่อไปกินอาหารนอกบ้าน

ร้านอาหารในบ้านเรามาจากทุกทวีป ไม่ว่าจะชิมรสชาติของชาติใดล้วนแล้วแต่อร่อยถูกปากคนไทย เราจึงสมบูรณ์เกินกว่ามาตรฐานชาย-หญิงกันแล้ว เมื่อไปกินอาหารนอกบ้านควรพินิจดังนี้

อาหารฟาสต์ฟูด : เลือกที่ไม่ใส่ชีส ไส้กรอก ของทอด ไข่ มายองเนส เลือกเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้ออก รับประทานกับสลัดผักน้ำใส ถ้าเป็นน้ำข้นราดน้ำน้อยๆ ก็พอไหว ส่วนเครื่องดื่มต้องไม่ใส่ครีม นม หรือประเภทมิลค์เช็คก็ไม่ได้นะคะ ไอศกรีมเห็นทีต้องงด แต่ถ้าอดไม่ไหวขอแค่คำสองคำก็น่าจะหายอยากได้ ถ้าเลือกกินอาหารแบบไทย-อีสานได้จะแจ๋วมาก

อาหารอิตาเลียน : คงต้องเลี่ยงพวกชีส เนย หรือซอสที่ผสมครีม เลือกเมนูที่ใช้น้ำมันมะกอกดีกว่า

อาหารจีน : ส่วนใหญ่ใช้น้ำมันมากและใช้เนื้อสัตว์มีมัน ผัดผักก็มีน้ำมันมากพอดู ควรคีบอาหารส่วนบนๆ น้ำมันน้อย หลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์สับ เพราะมักจะมีมันปนมาก ยิ่งของทอดด้วยแล้วคงต้องงดหรือเพียงแค่ชิมก็พอ ส่วนขนมหวานถ้าเป็นลอยแก้วสบายมากรับประทานได้ แต่ระวังน้ำหนักขึ้นด้วย

อาหารญี่ปุ่น : น่าจะดีกว่าเพราะมีไขมันต่ำที่สุด แต่บางอย่างอาจมีเบคอนหรือมายองเนสผสมอยู่ด้วย คงต้องเลือกเมนูก่อนสั่ง แต่ส่วนใหญ่ก็โอเค

การช่วยให้สุขภาพปลอดไขมันส่วนเกินจากอาหารจะสำเร็จได้คงต้องควบคุมพฤติกรรมการกิน ซึ่งอาจยากสักหน่อยในช่วงแรกๆ แต่ถ้าทำเป็นประจำก็จะกลายเป็นความเคยชิน เมนูอาหารประจำวันของเรามีมากมายหลากหลายเลี่ยงอย่างหนึ่งมาเลือกอีกอย่างหนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องยาก หรือลดปริมาณการกินอาหารที่มีไขมันลงบ้างก็ยังคงให้คุณอร่อยกับอาหารได้เหมือนเดิม

คุณต้องตั้งมั่นใจโดยบอกตัวเองและคนที่คุณรักว่าไขมันในเลือดสูงสามารถป้องกันได้ด้วยตัวคุณเอง เพียงแค่ลดการกินน้ำตาล ไขมัน เลือกชนิดและส่วนของเนื้อสัตว์ให้ถูกต้อง เพิ่มผัก ผลไม้ ให้ได้ใยอาหาร ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายบ้าง และทำจิตใจให้ผ่องใส นั่นแหละชีวิตที่มีคุณภาพและปลอดไขมันที่เป็นต้นเหตุของโรคมากมาย